เมื่อ 9 พ.ย.59 ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ให้สัมภาษณ์ถึงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างไม่เป็นทางการ ว่า ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งในครั้งนี้ แต่คงพูดไม่ได้ว่าจะส่งผลกระทบอะไรหากใครได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ ซึ่งต้องยอมรับการตัดสินใจของประชาชน เพราะทุกประเทศก็มีประชาธิปไตยที่มีพื้นฐานใกล้เคียงกัน แต่ความแตกต่างขึ้นอยู่กับประชาชนซึ่งเป็นผู้ตัดสินใจเลือก จะเห็นได้จากทุกอย่างมีการพลิกแพลงอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าตนจะไม่สนใจ โดยสิ่งที่ประเทศไทยจะเผชิญต่อไป คือเราเป็นมิตรกับสหรัฐฯ มา 183 ปี ดังนั้น ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล ประเทศไทยก็จะเดินตามนโยบายเดิม คือนโยบายการต่างประเทศที่สมดุล เพราะเราเป็นประเทศที่อยู่ตรงกลางของอาเซียน ก็ต้องทำทุกอย่างให้ได้รับประโยชน์สูงสุด ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
"ดังนั้น ไม่ว่าใครจะเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ เราก็ทำได้ทั้งสิ้น อย่าลืมว่าไทยกับสหรัฐฯ มีความสัมพันธ์มาเกือบ 200 ปี อย่ามองเพียงว่าใครจะเป็นหรือไม่เป็นประธานาธิบดี เราต้องเตรียมความพร้อมไว้ เราไปแก้ไขอะไรไม่ได้ เพียงแต่เราต้องปรับตัวเองให้ได้ นี่คือนโยบายการต่างประเทศในเชิงรุก และสมดุลกับทุกประชาคมโลก ทุกประเทศที่เป็นคู่ค้า คู่เจรจากับไทย ซึ่งรัฐบาลดำเนินการนโยบายนี้มาตลอด ทั้งตน และกระทรวงการต่างประเทศ และทุกกระทรวงก็ทำตามนโยบายรัฐบาล" นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า จะสร้างความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นได้อย่างไร เพราะเช้าวันเดียวกันนี้เกิดการผันผวนค่อนข้างแรง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สถานการณ์หุ้นก็แกว่งทุกวัน ไปตามสถานการณ์โลกบ้าง สถานการณ์ในประเทศบ้าง ก็สุดแล้วแต่ และที่แกว่งมากที่สุดก็เกิดในรัฐบาลชุดนี้ โดยเฉพาะในเรื่องของโครงการจำนำข้าว พอมีมาตรการชะลอสิ้นเชื่อข้าวก็แกว่งอีก แต่ถ้าเรามีเสถียรภาพกันเองภายในประเทศทุกอย่างก็จะดีขึ้นทั้งหมด สถานการณ์หุ้นก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์โลก และสถานการณ์ภายในประเทศ บางครั้งก็ตกเพราะต่างประเทศ บางครั้งเพราะเกิดจากสถานการณ์ภายในประเทศพวกเรากันเอง เพราะทุกวันมีการวิพากษ์วิจารณ์ และวิเคราะห์กันต่างๆ นานา แค่นี้ก็ทำให้หุ้นตกแล้ว แต่ถ้าสถานการณ์นิ่งหุ้นก็ขึ้น เพราะหุ้นก็คือหุ้น มีหุ้นตัวไหนที่ขึ้นแล้วไม่ลงบ้างหรือไม่ ดังนั้น คนที่เล่นหุ้นก็ต้องระมัดระวัง แต่ยืนยันว่าตนไม่ได้ทำอะไรให้เสียหายต้องมีข้อมูลที่เพียงพอ ข้อสำคัญต้องเชื่อมั่นประเทศไทยของเราก่อนหุ้นก็จะไม่ลง โอกาสมีมากมายอย่าไปทำลายโอกาสของเราเอง ให้วิกฤตให้เป็นโอกาส วันนี้ก็มีความวุ่นวายไปทั่ว เราต้องเร่งสร้างความสงบให้เราเองก่อน เดิมเราเคยมีความวุ่นวายแล้วจะทำให้วันนี้วุ่นวายกันอีกหรือ ถ้าที่อื่นวุ่นวายอยู่แล้วก็จะเบิ้ลเป็น 2 เท่า แล้วประเทศจะเป็นอย่างไร
"สำหรับสถานการณ์ของสหรัฐฯ ก็คงต้องรอดูกันต่อไป อย่างไรเราก็คบกับเขาอยู่แล้ว จะเห็นได้ว่าผมไม่ได้ไปทะเลาะกับใคร ใครจะว่าอะไรผมก็อยู่กับผมเฉยๆ และเดินหน้าทำงานต่อไป แต่ระยะหลังต่างประเทศก็ค่อยข้างเชื่อถือเรามากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เพราะเราทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนในหลายๆ เรื่อง บางเรื่องต้องมีวิวัฒนาการในทางที่เป็นโลกยุคใหม่เราต้องทำให้ทันให้ไว ขณะเดียวกันก็ต้องไม่ทิ้งผู้มีรายได้น้อย อย่ามาอ้างคำพูดผมว่าจะทำให้ประเทศเป็น 4.0 แล้วลืมชาวไร่ ชาวนา ซึ่งไม่ได้เป็นเช่นนั้น ทุกอย่างเป็นห่วงโซ่เดียวกัน เมื่อรายได้ประเทศสูงขึ้น ชาวนาก็มีรายได้เพิ่มขึ้น เพราะเป็นต้นทางการผลิต ภาคธุรกิจเอกชนก็ต้องดีขึ้น สิ่งสำคัญทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน" นายกฯ กล่าว
ข่าวเด่น