อนันดาฯ เผยตัวเลขกำไรไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 56% เป็น 252 ล้านบาท รายได้เติบโต 12% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน พร้อมเก็บเกี่ยวผลตอบแทนอย่างต่อเนื่อง โชว์ยอดขายไตรมาส 3 เกินเป้าถึง 36% ปรับเพิ่มเป้ายอดขายทั้งปี 5% เป็น 22,057 ล้านบาท
บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN ผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัยติดรถไฟฟ้า โชว์ความสำเร็จในการดำเนินงาน พร้อมเติบโตอย่างมั่นคง เผยผลประกอบการไตรมาส 3/2559 บริษัทฯ ประสบความสำเร็จสามารถสร้างกำไรสุทธิ 252 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 56% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 20% จากไตรมาสก่อน เผยตัวเลขกำไรดังกล่าวสะท้อนถึงการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพภายใต้แผนดำเนินงานที่วางไว้ พร้อมทั้งสร้างรายได้ 2,979 ล้านบาท เติบโต 12% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ย้ำความสำเร็จของเป้าหมายปี 2559 ถือเป็นช่วงสำคัญของอนันดาฯ ในการเก็บเกี่ยวผลตอบแทน (Harvest Period) สะท้อนถึงความสามารถในบริหารเงินลงทุนจาก IPO ในการพัฒนาโครงการและทำการเปิดขายไปก่อนหน้านี้ ได้เริ่มสร้างผลตอบแทน พร้อมโชว์ตัวเลขยอดขายไตรมาส 3 เกินเป้าที่ตั้งไว้ที่ 5,082 ล้านบาท ถึง 36% จากยอดขายโครงการใหม่ และโครงการที่เปิดตัวก่อนหน้า นอกจากนี้ปรับเพิ่มเป้ายอดขายทั้งปีเพิ่มอีก 5% แม้ว่าจะมีการเลื่อนเปิดโครงการ 3 แห่ง มูลค่ารวมกว่า 2,500 ล้านบาท จากไตรมาส 4/2559 ไปยัง ไตรมาส 1/2560 ก็ตาม
นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ มีภาพรวมการดำเนินธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจากตัวเลขรายได้ และกำไรสุทธิ พร้อมประกาศผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3/2559 สามารถสร้างผลกำไรเพิ่มขึ้นถึง 56% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน เป็น 252 ล้านบาท รายได้ 2,979 ล้านบาท เติบโต 12% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน สอดคล้องกับในปี 2559 ถือเป็นช่วงแห่งการเก็บเกี่ยวผลตอบแทน (Harvest Period) ตั้งแต่เงินลงทุนจาก IPO ที่นำมาพัฒนาโครงการและมีการเปิดขายไปก่อนหน้านี้ รวมถึงการก่อสร้างได้แล้วเสร็จ และเริ่มมีการโอนกรรมสิทธิ์ โดยจะเริ่มสร้างผลตอบแทนจากยอดโอนในปี 2559 จำนวน 5 โครงการ นอกจากนี้บริษัทฯ มียอดขายรอรับรู้รายได้ ณ สิ้นไตรมาส 3/2559 ภายในช่วง 3 ปีข้างหน้า ซึ่งสูงสุดเป็นสถิติอีกครั้ง ด้วยมูลค่าสูงกว่า 41,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ในไตรมาส 3 นี้ บริษัทฯ เปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ติดรถไฟฟ้าบน 4 ทำเล ด้วยมูลค่าโครงการ 6,544 ล้านบาท ได้แก่ โครงการไอดีโอ โมบิ อโศก มูลค่าโครงการ 3,238 ล้านบาท โครงการเวนิโอ สุขุมวิท 10 มูลค่าโครงการ 861 ล้านบาท นอกจากนี้ยังเปิดขายโครงการ ภายใต้แบรนด์ยูนิโอเพิ่มขึ้น ได้แก่ โครงการยูนิโอ สุขุมวิท 72 มูลค่าโครงการ 1,460 ล้านบาท และโครงการยูนิโอ พระราม 2-ท่าข้าม มูลค่าโครงการ 985 ล้านบาท ซึ่งมียอดขายตามเป้าหมาย และสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยเฉพาะโครงการไอดีโอ โมบิ อโศก มีอัตราการขายสูงกว่า 70% ของยูนิตที่เปิดขายในช่วงเปิดโครงการใหม่ และโครงการเวนิโอ สุขุมวิท 10 มีอัตราการขายสูงกว่า 90% ของยูนิตที่เปิดขายในช่วงเปิดโครงการใหม่ ส่งผลให้ไตรมาส 3 สร้างยอดขายได้ 6,930 ล้านบาท เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ถึง 36% และยอดขาย 9 เดือนแรกของปี เพิ่มขึ้นเป็น 15,162 ล้านบาท คิดเป็น 73% ของเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่ตั้งไว้ในไตรมาส 1/59 กว่า 21,000 ล้านบาท ซึ่งมาจากยอดขายจากโครงการใหม่ ได้รับการตอบรับที่ดี และจะทยอยเปิดขายยูนิตเพิ่มขึ้น
บริษัทฯ มียอดขายรอรับรู้รายได้ ณ สิ้นไตรมาส 3/2559 ภายในช่วง 3 ปีข้างหน้า ซึ่งสูงสุดเป็นสถิติอีกครั้ง ด้วยมูลค่าสูงกว่า 41,300 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ไตรมาส 3/2559 มียอดโอน ซึ่งรวมยอดโอนจากโครงการร่วมทุนกับมิตซุย ฟูโดซัง อยู่ที่ 2,902 ล้านบาท สูงกว่าเป้ายอดโอนที่ตั้งไว้ถึง 35% พร้อมมีกำไรสุทธิ 252 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 56% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ยังสร้างอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 8% เพิ่มขึ้นจาก 6% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่บริษัทฯ ยังคงเป้ายอดโอนทั้งปีในระดับ 15,000-16,000 ล้านบาท
ถึงแม้ว่าจะมีการเลื่อนเปิดโครงการใหม่ 3 แห่ง มูลค่ารวมกว่า 2,500 ล้านบาท จากไตรมาส 4/2559 ไปยังไตรมาส 1/2560 และส่งผลให้มูลค่าเปิดขายโครงการใหม่ในปีนี้ลดลงจาก 21,789 ล้านบาท เป็น 20,650 ล้านบาท แต่บริษัทฯ ก็ปรับเพิ่มเป้ายอดขายทั้งปีจาก 20,952 ล้านบาท เป็น 22,057 ล้านบาท จากยอดขายที่ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าในไตรมาสที่ผ่านมา โดยเฉพาะโครงการที่คุ้มค่า คุณภาพดี ทำเลใกล้รถไฟฟ้า
ในไตรมาส 3/2559 บริษัทฯ มียอดโอนดีกว่าเป้า จากโครงการคอนโดมิเนียม ไอดีโอ โมบิ วงศ์สว่าง และไอดีโอ คิว จุฬา-สามย่าน ที่สามารถโอนได้เร็วกว่าเป้าที่ตั้งไว้ในไตรมาส 4/2559 และโครงการคอนโดมิเนียมไอดีโอ โมบิ สุขุมวิท อีสท์เกตที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ และเริ่มโอนได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ในไตรมาสนี้ อีกทั้งได้สร้างผลกำไรสุทธิที่ดีกว่าเป้าหมายจากการควบคุมต้นทุน โดยค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้ลดลงจาก 23% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เป็น 20% ในไตรมาสนี้ ถึงแม้ว่าบริษัทฯ จะมีการเติบโตอย่างรวดเร็วก็ตามและสามารถรักษาวินัยทางการเงิน และบรรลุเป้าหมายการเติบโต โดยบริษัทฯ ได้ดำรงอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนทุนในระดับเพียง 0.8:1 ณ สิ้นไตรมาส 3/2559
บริษัทฯ ยังคงมีกระแสเงินสดที่มั่นคงและแข็งแกร่ง พร้อมมีเงินสดจำนวนมากเกินกว่า 2,000 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส3/2559 และยังคงได้รับการสนับสนุนที่ดีจากธนาคาร รวมถึงมีทางเลือกหลายทางหากจำเป็นที่จะต้องใช้เงิน ทั้งนี้ในเดือนตุลาคม 2559 บริษัทฯ ได้ออกหุ้นกู้ 3 รุ่น (อายุ 1 ปี 3 ปี และ 5 ปี) มูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท รองรับการขยายธุรกิจ และเป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยการออกหุ้นกู้ล่าสุดทำให้ต้นทุนจากส่วนหนี้สินลดลงต่ำสุดเป็นสถิติ โดยหุ้นกู้อายุ 1 ปีมีต้นทุนอยู่ที่ 3.05% ต่อปี และบริษัทฯ ยังคงรักษาความมีวินัยทางการเงินโดยบริษัท ทริส เรทติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ได้จัดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทฯในระดับ BBB แนวโน้มคงที่
ในเดือนตุลาคม 2559 บริษัทฯ ได้เช่าที่ดินระยะเวลา 30 ปี จำนวน 1 แปลง เนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ 1 งาน 67 ตารางวา ตั้งอยู่บนถนนรัชดาภิเษกซึ่งเป็นย่านศูนย์กลางธุรกิจใหม่พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน เพื่อพัฒนาโครงการประเภทผสมผสาน (Mixed Use) ประกอบด้วยพื้นที่ค้าปลีก ห้องพักอาศัย หรือโรงแรม โครงการดังกล่าวคาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาส 1/2563
ในปี 2560 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดโอนเติบโต 66% อยู่ในระดับ 25,000 ล้านบาท จากเป้าหมายยอดโอนในปี 2559 ที่ระดับ 15,100 ล้านบาท โดยในปี 2560 บริษัทฯ คาดว่าจะมีโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ที่สร้างแล้วเสร็จและเริ่มโอน สูงถึง 10 โครงการ จากในปี 2559 ที่มีเพียง 5 โครงการใหม่ที่สร้างแล้วเสร็จและเริ่มโอน ทั้งนี้ในปี 2560 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์กว่า 11,700 ล้านบาท
จากวงจรเงินทุนทำให้บริษัทฯ เปิดขายโครงการใหม่ในปี 2560 ด้วยมูลค่าโครงการเพิ่มขึ้น 74% อยู่ในระดับ 36,000 ล้านบาท จากเป้า 20,650 ล้านบาทในปี 2559 โดยในปี 2560 บริษัทจะเปิดขายโครงการใหม่ 17 โครงการ โดยเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 10 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับมิตซุย ฟูโดซัง 7 โครงการ และโครงการแนวราบ 7 โครงการ จากมูลค่าเปิดขายโครงการใหม่ที่ลดลง ทำให้ในปี 2560 บริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้น 35% จากเป้ายอดขายในระดับ 22,057 ล้านบาท ในปี 2559 พร้อมเป้าหมายในการรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนทุนในระดับประมาณ 1:1 สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวในการบริหารงานของบริษัทอีกด้วย
“บริษัทฯ รู้สึกยินดีกับผลการดำเนินงานที่ประสบความสำเร็จในไตรมาสนี้ ทั้งยังรักษาการเติบโตของธุรกิจ และผลการดำเนินงานที่ดี นอกจากนี้ยังรักษาความมีวินัยด้านต้นทุนการดำเนินงาน และการกู้ยืมอีกด้วย โดย อนันดาฯ ยังคงครองความเป็นผู้นำคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และผู้นำในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ทั้งด้านการออกแบบอาคาร และการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้านอื่นๆ ทำให้ยังคงตั้งเป้าเป็นผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมต่อไป นอกจากนี้บริษัทฯ รู้สึกยินดีที่เราได้เช่าที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการประเภทผสมผสาน (Mixed Use) โครงการแรกในรอบกว่า 17 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ ในปี 2542 สำหรับธุรกิจใหม่นี้จะช่วยให้ฐานรายได้มีความหลากหลาย และมีรายได้ที่มีความสม่ำเสมอมากขึ้น” นายชานนท์ กล่าวทิ้งท้า
ข่าวเด่น