DEMCO พลิกผลงานไตรมาส 3/59 โชว์กำไรแล้ว 40.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 125.40 จากปีก่อนที่เคยขาดทุน 161.28 ล้านบาท ผู้บริหารชี้เป็นผลจากรายได้ค่าบริการเพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงฐานลดลง
นายไพฑูรย์ กำชัย กรรมการและเลขานุการบริษัท บมจ.เด็มโก้ (DEMCO) รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2559 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2559 ปรากฏว่าบริษัทมีกำไรสุทธิเท่ากับ 40.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 125.40 เมื่อเทียบกับขาดทุนสุทธิจำนวน 161.28 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2558 ซึ่งสาเหตุสำคัญมาจากรายได้บริการที่เพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงฐานซึ่งเป็นรายการพิเศษที่ลดลง โดยในไตรมาส 3 ปี 2559 บริษัทได้บันทึกส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนในบริษัทร่วมจำนวน 24.27 ล้านบาท สำหรับอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากขาดทุนร้อยละ 13.03 เป็นกำไรร้อยละ 1.88
ทั้งนี้ รายได้รวมไตรมาส 3 ปี 2559 เท่ากับ 2,173.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 75.63 เมื่อเทียบกับรายได้รวมจำนวน 1,237.43 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้งานบริการในไตรมาส 3/2559 เท่ากับ 1,964.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 892.85 ล้านบาท จากรายได้งานบริการในไตรมาส 3/2558 จำนวน 1,071.63 ล้านบาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้นร้อยละ 83.32 เนื่องจากการรับรู้รายได้ในงานก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนของเอกชน ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลม 3 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 246 เมกกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 1 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้ง 90 เมกกะวัตต์ รวมถึงงานก่อสร้างสายส่งแรงสูง 230 เควี. 500 เควี และสถานีไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยและเอกชน
ส่วนรายได้จากงานขาย เพิ่มขึ้นจำนวน 38.07 ล้านบาท จากรายได้งานขายในไตรมาส 3/2558 จำนวน 154.76 ล้านบาท เป็นรายได้จากงานขายในไตรมาส 3/2559 จำนวน 192.83 ล้านบาท หรือคิดเป็นรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น ร้อยละ 24.60 โดยรายได้จำนวน 145.97 ล้านบาทมาจากการขายอุปกรณ์ระบบไฟฟ้าจากต่างประเทศให้โครงการขนาดใหญ่
สำหรับกำไรขั้นต้น ในส่วนงานบริการเพิ่มขึ้นจาก 57.37 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2558 เป็น 115.80 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2559 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 101.84 สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นงานบริการเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.35 เป็นร้อยละ 5.89
ส่วนกำไรขั้นต้นงานขายลดลงจาก 53.23 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2558 เป็น 15.15 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2559 หรือลดลงร้อยละ 71.55 สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นลดลงจากร้อยละ 34.39 เป็นร้อยละ 7.85 จากการลดลงของอัตรากำไรขั้นต้นของการขายเสาโครงเหล็กเนื่องจากปริมาณการผลิตที่ลดลงทำให้ต้นทุนคงที่เฉลี่ยสูงขึ้นและอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำจากการขายอุปกรณ์ระบบไฟฟ้าในโครงการขนาดใหญ่ซึ่งเป็นธุรกิจซื้อมาขายไป
ค่าใช้จ่ายขายและบริหารในไตรมาสนี้มีจำนวน 84.45 ล้านบาท ลดลงจำนวน 289.43 ล้านบาท เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายขายและบริหารจำนวน 373.88 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2558 หรือคิดเป็นการลดลงร้อยละ 77.41 ซึ่งสาเหตุสำคัญมาจากการลดลงขอค่าชดเชยค่าเสียโอกาสในการขายไฟฟ้าและประมาณการค่าก่อสร้างในการปรับปรุงแก้ไขฐานของเสากังหันลมโรงไฟฟ้าพลังงานลมห้วยบง 2 และห้วยบง 3 โดย ค่าใช้จ่ายขายและบริหาร (ส่วนปกติ) เป็นจำนวน 75.14 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.11 เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายขายและบริหารในไตรมาส 3 ปี 2558 จำนวน 75.05 ล้านบาท
ค่าใช้จ่ายขายและบริหาร (ส่วนรายการพิเศษ) เป็นจำนวน 9.31 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 96.88 เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายขายและบริหารส่วนที่เป็นรายการพิเศษในไตรมาส 3 ปี 2558 จำนวน 298.83 ล้านบาท
ข่าวเด่น