ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
สบส.เตือนช่วยคนจมน้ำผิดวิธี 'พาดบ่า-กระทุ้งท้อง' อันตราย


 


กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เผยผลสำรวจความเชื่อด้านสุขภาพในเดือนตุลาคม 2559 พบคนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปในเขตกทม.ปริมณฑลและ 4 ภาคร้อยละ 62 ยังมีความเชื่อการช่วยคนจมน้ำโดยการจับอุ้มคนจมน้ำพาดบ่า แล้วกระทุ้งท้อง ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดและเป็นอันตราย  เพิ่มความล่าช้าในการช่วยเหลือทำให้คนที่จมน้ำขาดอากาศหายใจนานยิ่งขึ้น และมีโอกาสเสียชีวิตสูง  โดยภาคเหนือเชื่อผิดสูงสุดร้อยละ 74        

นายแพทย์วิศิษฎ์ ตั้งนภากร อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรมสบส.) กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า เทศกาลลอยกระทงปีนี้ซึ่งตรงกับวันที่ 14 พฤศจิกายน 2559 มีความเป็นห่วงอุบัติเหตุจมน้ำ ซึ่งพบได้เกือบทุกปี  สาเหตุที่พบได้บ่อยเช่นเมาสุรา รวมทั้งการลงไปเก็บเงินที่อยู่ในกระทง  ซึ่งมักจะเป็นเด็กๆ  กรมสบส.ได้ดำเนินการสำรวจความเชื่อของประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไปในเขตกรุงเทพฯปริมณฑลและ 4 ภาค ในด้านการช่วยเหลือคนจมน้ำ ในเดือนตุลาคมพ.ศ.2559 จำนวน 501 ตัวอย่าง ผลพบว่าส่วนใหญ่ยังมีความเข้าใจผิด โดยเชื่อว่าช่วยโดยการจับอุ้มพาดบ่าแล้วกระทุ้งท้อง มากถึงร้อยละ 62 ภาคที่มีความเชื่อวิธีการนี้อันดับ 1 ได้แก่ ภาคเหนือ ร้อยละ 74 รองลงมาคือภาคตะวันออกเฉียงเหนือร้อยละ 71 ภาคกลางร้อยละ 61 ภาคใต้ร้อยละ 54 ส่วนกทม.และปริมณฑล ร้อยละ 50   ในภาพรวมกลุ่มตัวอย่างทั้งหมดมีความเชื่อที่ถูกต้องเพียงร้อยละ 38   เท่านั้น ซึ่งดีขึ้นกว่าผลการสำรวจของสำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค เมื่อปี 2556 ที่พบว่าประชาชนเข้าใจถูกต้องเพียงร้อยละ 7.4

นายแพทย์วิศิษฏ์กล่าวว่า การช่วยคนจมน้ำหลังจากที่นำขึ้นมาจากน้ำ โดยการจับอุ้มพาดบ่าและกระทุ้งท้องเพื่อเอาน้ำออกจากปอดนั้น   เป็นวิธีการต้องห้าม และเป็นอันตรายกับผู้ที่จมน้ำ เพราะน้ำที่ออกมาเป็นน้ำจากกระเพาะอาหารไม่ใช่ออกมาจากปอด  ผลที่ตามมาจะทำให้คนจมน้ำขาดอากาศหายใจนานยิ่งขึ้น  สมองขาดออกซิเจน และมีโอกาสเสียชีวิตสูง   โดยให้กองสุขศึกษาร่วมมือกับสำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค  เผยแพร่ความรู้ความเข้าใจ  และให้อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านหรืออสม.เผยแพร่ความรู้วิธีการช่วยชีวิตคนจมน้ำที่ถูกต้องแก่ประชาชนทุกหมู่บ้าน    เพื่อลดการเสียชีวิตจากการจมน้ำ

ทั้งนี้การช่วยเหลือคนจมน้ำที่ถูกต้องเบื้องต้นก่อนนำส่งโรงพยาบาล คือให้ตะโกนขอความช่วยเหลือ  พร้อมทั้งช่วยคนที่จมน้ำโดยให้วางนอนราบ  ตะแคงหน้าเอาน้ำออกจากปาก ช่วยให้หายใจให้เร็วที่สุดโดยวิธีการผายปอดและเป่าลมเข้าทางปากติดต่อกันหลายครั้ง ถ้าหัวใจหยุดเต้น ให้นวดหัวใจ โดยการกดที่บริเวณกลางหน้าอกให้ยุบประมาณ 1 ใน 3 ของความหนาของหน้าอกความเร็วอย่างน้อย 100 ครั้งต่อนาที และรีบโทรแจ้งหน่วยแพทย์ฉุกเฉินหมายเลข 1669 โดยเร็วที่สุด

สำหรับหน่วยงานที่จัดเตรียมสถานที่ให้ประชาชนลอยกระทงในปีนี้   ควรกำหนดพื้นที่ให้ชัดเจน และต้องทำสิ่งกั้นขวาง เพื่อป้องกันการตกน้ำ จัดให้มีผู้ดูแลและเตรียมอุปกรณ์สำหรับช่วยคนตกน้ำให้พร้อมเช่นห่วงชูชีพ ถังแกลลอนเปล่าผูกเชือก ยางในรถยนต์ที่เติมลมไว้พร้อม  เขียนป้ายบอกวิธีการใช้ให้ถูกต้อง  หากเกิดเหตุการณ์ สามารถหยิบมาใช้ได้ง่าย ส่วนผู้ที่ให้บริการทางเรือ ควรจัดเสื้อชูชีพให้พร้อม และคำนึงถึงการบรรทุกผู้โดยสารไม่ให้น้ำหนักเกิน ในกรณีพบคนตกน้ำต้องรู้วิธีการช่วยเหลือที่ถูกต้อง ห้ามกระโดดลงไปช่วยอย่างเด็ดขาด เพราะอาจจะถูกกอดรัดและจมน้ำเสียชีวิตพร้อมกัน  การช่วยเหลือที่ถูกวิธีขอให้ยึดหลัก ตะโกน โยน ยื่น โดยเรียกให้ผู้ที่ว่ายน้ำเป็นมาช่วยหรือหาอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้ตัวมาช่วยเหลือเช่น ไม้ ถังแกลลอนเปล่า เชือกหรือสิ่งที่เกาะยึดเหนี่ยวได้    ในส่วนของผู้ปกครองที่นำบุตรหลานไปลอยกระทงด้วย ขอให้ดูแลอย่างใกล้ชิดไม่ให้คลาดสายตา     เด็กเล็กอายุต่ำกว่า 3 ปีต้องอยู่ในระยะที่คว้าถึง อย่าปล่อยให้เด็กลอยกระทงตามลำพัง  ไม่ว่าจะเป็นในกะละมังหรือถังน้ำที่บ้านก็ตาม อาจเกิดอุบัติเหตุทำให้เด็กจมน้ำเสียชีวิตได้                  
 
 

บันทึกโดย : วันที่ : 13 พ.ย. 2559 เวลา : 10:52:31

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 3:09 am