หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์พลังงาน บมจ.ไทยออยล์ รายงานสถานการณ์น้ำมัน ประจำวันที่ 14 พ.ย. 2559 ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงหลังปริมาณการผลิตโอเปกแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
(-) ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงมากกว่าร้อยละ 2 หลังปริมาณการผลิตน้ำมันดิบกลุ่มโอเปก เดือน ต.ค. ที่ประกาศล่าสุด แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดเกิดความกังวลเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันดิบล้นตลาด
(-) โอเปกเผยปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มปรับเพิ่มขึ้น 240,000 บาร์เรลต่อวัน แตะระดับ 33.64 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดเกิดความกังวลเกี่ยวกับการเจรจาการลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปก ที่จะมีขึ้นในวันที่ 30 พ.ย. 2559 เนื่องจากโอเปกจะต้องลดกำลังการผลิตลงถึง 0.6-1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพื่อให้กำลังการผลิตลดลงสู่ระดับ 32.5-33.0 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตามที่เคยตกลงกันไว้ ในการประชุม เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2559
(-) รายงานสถานการณ์น้ำมันประจำเดือน พ.ย. ของสำนักงานพลังงานสากล (IEA) เผยปริมาณการผลิตน้ำมันดิบโลกเดือน ต.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 800,000 บาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 97.8 ล้านบาร์เรล และคาดว่าภาวะน้ำมันล้นตลาดจะยังคงดำเนินต่อไปในปีหน้า ซึ่งถือเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน หากโอเปกไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการปรับลดกำลังการผลิตลงได้
(-) บริษัท Baker Hughes รายงานจำนวนหลุมขุดเจาะน้ำมันดิบสิ้นสุด ณ วันที่ 11 พ.ย. ปรับเพิ่ม 2 หลุม มาอยู่ที่ระดับ 452 หลุม ซึ่งถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นทั้งหมด 21 สัปดาห์จากทั้งหมด 24 สัปดาห์
(-) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น เนื่องจากตลาดคาดว่าทรัมป์อาจกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ด้วยนโยบายการคลัง และจะส่งเสริมการขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ เดือน พ.ย. ที่ปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับ 91.6 ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 89.5 ยังเป็นปัจจัยที่ช่วยสนุบสนุนให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น และกดดันราคาน้ำมันดิบอีกด้วย
ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากความต้องการซื้อเวียดนามและไต้หวันที่ยังคงแข็งแกร่ง นอกจากนี้ความต้องการจากอินโดนีเซียมีแนวโน้มจะปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากโรงกลั่นภายในประเทศวางแผนที่จะปิดซ่อมบำรุงในช่วง มี.ค. ปีหน้า
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากความต้องการนำเข้าจากบังคลาเทศ อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดีเซลยังคงได้รับแรงกดดันจากปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังที่ปรับเพิ่มขึ้น
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ42-47 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 43-48 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ตลาดยังกังวลว่ากลุ่มโอเปกตกลงกันที่จะปรับลดกำลังการผลิตมาอยู่ที่ระดับ 32.5 -33.0 ล้านบาร์เรลได้หรือไม่ จากตัวเลขคาดการณ์ล่าสุด เดือน ต.ค. ที่ 33.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยสำนักงานพลังงานสากล (IEA) กล่าวว่าหากกลุ่มโอเปกไม่สามารถตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตลงได้ จะส่งผลให้อุปทานน้ำมันดิบส่วนจะยังคงล้นตลาดต่อเนื่องในปี 2017
ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวแข็งค่าขึ้นและส่งผลกดดันต่อราคาน้ำมันดิบต่อเนื่อง หลังนักลงทุนคลายกังวลกประธาธิปดีของสหรัฐฯ คนใหม่ ที่มีนโยบายในเชิงสุดโต่ง ประเด็นดังกล่าวส่งผลให้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งถัดไปในเดือน ธ.ค.
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง หลังปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ เริ่มปรับเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับปริมาณการขุดเจาะน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น และปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบที่ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยสัปดาห์ล่าสุด ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 4 พ.ย. ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้
โดย หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์พลังงาน บมจ.ไทยออยล์ ประจำวันที่ 14 พ.ย. 2559
ข่าวเด่น