กลุ่มน้ำตาลและอ้อยตะวันออก เคาะวันเปิดหีบอ้อยรับผลผลิต 1 ธ.ค.นี้ พร้อมรับซื้อใบอ้อยจากชาวไร่หวังแก้ปัญหาอ้อยไฟไหม้ ดันยิลด์ผลผลิตน้ำตาลทรายรับราคาตลาดโลกขาขึ้น
'น้ำตาลและอ้อยตะวันออก' ผู้ประกอบธุรกิจและจำหน่ายน้ำตาลทรายจากอ้อยและธุรกิจอุตสาหกรรมต่อเนื่อง พร้อมเปิดหีบอ้อยรับผลผลิตจากชาวไร่ 1 ธ.ค.นี้ เดินหน้ายกระดับคุณภาพผลผลิตอ้อยหนุนยิดล์เพิ่ม รับจังหวะราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกทะยานเตรียมซื้อใบอ้อยจากชาวไร่ หวังลดปัญหาอ้อยไฟไหม้กระตุ้นชาวไร่นำส่งอ้อยสดเข้าหีบและสร้างความมั่นคงด้านรายได้จากการเพาะปลูก
นายกิตติศักดิ์ วัธนเวคิน ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการและรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท น้ำตาลและอ้อยตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ ESC ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายจากอ้อยและนำผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตไปต่อยอดสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ธุรกิจผลิตไฟฟ้า ธุรกิจผลิตเอทานอล ธุรกิจผลิตก๊าซชีวภาพและธุรกิจผลิตปุ๋ยอินทรีย์เคมี เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเปิดรับผลผลิตอ้อยเข้าหีบประจำฤดูการผลิตปี 2559/60 ในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ คาดว่าจะมีปริมาณผลผลิตอ้อยเข้าหีบสูงถึง 3.4 ล้านตัน หลังได้เพิ่มประสิทธิภาพการหีบอ้อยเฉลี่ยเป็นวันละ 36,000 ตันต่อวัน
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีเป้าหมายที่ต้องการยกระดับคุณภาพผลผลิตอ้อยเข้าหีบในฤดูการผลิตนี้ให้ดีขึ้น โดยจะเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตน้ำตาลทรายตันอ้อย (ยิลด์) เพิ่มขึ้นเป็น 108.64 กิโลกรัมน้ำตาล หรือผลิตน้ำตาลทรายได้ 3.78 แสนตัน และมีค่าความหวานเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 12 ซี.ซี.เอส. จากเดิมที่มีค่าความหวานเฉลี่ยอยู่ที่ 11.57 ซี.ซี.เอส. จึงได้เตรียมแผนงานในช่วงการจัดเก็บผลผลิตอ้อยในฤดูการผลิตปีนี้ ด้วยการเข้าไปรับซื้อใบอ้อยจากเกษตรกรคู่สัญญากับทางโรงงาน ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ให้แก่ชาวไร่อ้อยมากขึ้น โดยจะรับซื้อใบอ้อยในราคาตันละ 700 - 800 บาท
สำหรับการรับซื้อใบอ้อยในครั้งนี้ คาดหวังกระตุ้นให้ชาวไร่หันมาจัดเก็บอ้อยสดเพิ่มขึ้นแทนการเผาไฟส่งให้แก่โรงงงานน้ำตาล เป็นการลดปัญหาอ้อยไฟไหม้ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม จากเดิมที่เฉลี่ยต่อปีมีอ้อยไฟไหม้เข้าหีบสูงถึง 70% ของปริมาณผลผลิตอ้อยเข้าหีบทั้งหมด ซึ่งถือเป็นปัญหาสำคัญของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายในประเทศที่ทุกโรงงานต้องช่วยกัน เนื่องจากที่ผ่านมาชาวไร่มองว่าการจัดเก็บอ้อยสดมีต้นทุนที่สูงกว่าการใช้วิธีเผาอ้อย ทำให้เกิดความนิยมการเผาอ้อยก่อนส่งมอบให้แก่โรงงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่งผลเสียต่อชาวไร่ที่จะมีรายได้จากการเพาะปลูกอ้อยลดลง เนื่องจากปริมาณน้ำตาลลดลง
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะนำใบอ้อยที่ได้จากการรับซื้อทั้งหมดไปใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตกระแสไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าเป็นโรงไฟฟ้าสีเขียวไม่ใช้ถ่านหินพลังงานชีวมวล ที่ปัจจุบันมีกำลังการผลิตติดตั้ง 78 MW จึงต้องเตรียมความพร้อมเพื่อสร้างความมั่นคงด้านวัตถุดิบ เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงให้เพียงพอต่อแผนดำเนินงานที่ในอนาคตมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าสูงขึ้น
"เรามีแนวคิดที่ต้องการเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรชาวไร่อ้อยที่เป็นคู่สัญญากับโรงงาน เพื่อสร้างความมั่นคงด้านรายได้ที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ชาวไร่ โดยรับซื้อใบอ้อยจากการจัดเก็บผลผลิตอ้อยเข้าหีบซึ่งเป็นการกระตุ้นให้ชาวไร่หันมาให้ความสำคัญกับการจัดเก็บอ้อยสดส่งมอบให้แก่โรงงาน ที่จะสามารถผลิตน้ำตาลทรายได้มากขึ้นอีกด้วย เพื่อรับกับโอกาสของราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกที่ยังอยู่ในช่วงขาขึ้นและยังทำให้ชาวไร่มีรายได้ จากการเพาะปลูกอ้อยมากขึ้นอีกด้วย" นายกิตติศักดิ์ กล่าว
ข่าวเด่น