ตลาดหุ้นไทยวานนี้
SET INDEX วานนี้ขยับขึ้นทดสอบ 1,490 จุด และยืนเหนือแนวดังกล่าวได้ ผลักดันด้วยกลุ่มพลังงาน นำโดย BANPU / BPP อีกทั้งแรงขายจากต่างชาติที่เบาบางต่อเนื่อง ทำให้ SET INDEX ขยับขึ้นได้แข็งแกร่ง ปิด ณ สิ้นวันที่ 1,496.36 จุด ใกล้เคียงจุดสูงสุดของวัน บวก 10.68 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 50,687 ล้านบาท
ต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 23 ลดลงเหลือ 692 ล้านบาท ขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 10 เพียง 1,546 ล้านบาท แต่ Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 3 มากถึง 13,195 สัญญา
ปัจจัยสำคัญวันนี้
ทุกตลาดในสหรัฐฯ ปิดทำการ เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
กระแสเงินทุนต่างชาติยังคงลดน้ำหนักการลงทุนในตลาดตราสารหนี้และตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง แต่เป็นไปอย่างเบาบาง
ราคาทองคำล่วงหน้า Comex หลุดแนว US$1200/ounce คืนวานนี้
รายงานการประชุมเฟดต้นเดือนพ.ย. ส่งสัญญาณพร้อมขึ้นอัตราดอกเบี้ย
มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง – Sideways (วันที่ 13)
เราประเมินว่า SET INDEX มีโอกาสขยับขึ้นทดสอบด่าน 1,500 จุด ผลักดันด้วยหุ้น Big Cap โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Domestic Play อย่างกลุ่มธนาคารที่พักฐานช่วงก่อนหน้านี้ ด้วยแรงผลักดันของสถาบันภายในประเทศเป็นสำคัญ ขณะที่เม็ดเงินทุนต่างชาติจะเบาบางในช่วง 2 วันนี้ เนื่องด้วยวันหยุดคาบเกี่ยวระยะยาวของตลาดหุ้น – ตลาดตราสารหนี้ในสหรัฐฯ
และเป็นที่น่าสนใจว่า ต่างชาติมีสถานะ Long สุทธิใน SET50 Index Futures ตลอด 3 วันทำการ 27,209 สัญญา เราคาดว่าจะเป็นการเร่งปิดสถานะ Short ที่เปิดไว้อย่างหนาแน่นในช่วงก่อนหน้านี้ ภายใต้แรงขายจากต่างชาติที่ชะลอตัว สะท้อน downside risk ของตลาดหุ้นไทยเป็นไปอย่างจำกัดในช่วงที่เหลือของปีนี้ สอดคล้องกับมุมมองของเรา
สำหรับรายงานการประชุมเฟดวันที่ 1-2 พ.ย.ที่ผ่านมา สมาชิกส่วนมากให้ความเห็นเหมือนกันต่อภาพรวมเศรษฐกิจที่เติบโตแข็งแกร่ง และพร้อมที่จะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้ตลาดคาดโอกาสที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 14 ธ.ค. ขยับเป็น 100% ตั้งแต่การประชุมเดือนธ.ค. ถึงการประชุมเดือนธ.ค.ปีหน้า
กลยุทธ์การลงทุนแนะนำ “ถือพอร์ตการลงทุน เพื่อรอขายทำกำไรบริเวณ 1,520 จุด +/-“ พร้อมเก็งกำไรหุ้น Domestic Play พร้อมกรอบแกว่ง SET INDEX วันนี้ 1,490-1,505 จุด
Strategy of the Day
1. สะสม HMPRO : ราคาปิด 10.10 บาท ราคาเหมาะสม 11.70 บาท
a) หุ้นกลุ่มค้าปลีกมี Sentiment เชิงบวก จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯ หลังครม.มีมติอนุมัติเงินช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยในวันอังคารที่ผ่านมา และคาดว่าจะมีมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกระลอกในช่วงที่เหลือของปี
b) คาดกำไรสุทธิ 4Q59 จะขยายตัว qoq ทำระดับสูงสุดของปี 2559 เนื่องจากเป็น High Season ของธุรกิจ และมีการจัดงาน HomePro Expo เพื่อกระตุ้นยอดขาย
c) คงมุมมองเชิงบวกในระยะยาวจากการขยายฐานธุรกิจไปยังต่างประเทศ และเปิดร้านรูปแบบใหม่คือ Home Living เพื่อรองรับ Demand ของผู้บริโภคที่มีความต้องการหลากหลายมากขึ้น จะผลักดันกำไรสุทธิปี 2560 ให้เติบโต +12% yoy เป็น 4,408 ล้านบาท
2. สะสม SCB : ราคาปิด 145.50 บาท ราคาเหมาะสม 169.00 บาท
a) ราคาหุ้นมี Sentiment บวก หลังปรับตัวขึ้นยืนเหนือ 145 บาท ซึ่งเป็นเส้น 200 วันได้ และมีปัจจัยบวกรออยู่ในสัปดาห์หน้า คือการปรับเพิ่มน้ำหนักของดัชนี MSCI ในวันที่ 30 พ.ย.
b) มี Catalyst รออยู่ โดยคาดว่าศาลล้มละลายกลางจะอนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการของ SSI ใน 4Q59 ดังนั้น จึงมีโอกาสที่ SCB จะกลับสำรองหนี้สูญ และส่งผลให้ NPL ลดลง และ Coverage Ratio เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
c) หากสามารถปิดดีลขายหุ้น SCB Life ให้กับพันธมิตรได้ จะส่งผลให้มีกำไรพิเศษสูงถึง 3.5 หมื่นล้านบาท เป็น Upside Risk ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการของเรา ขณะที่กำไรสุทธิปี 2560 คาดว่าจะเติบโต +26.3% yoy เป็น 5.8 หมื่นล้านบาท และ Valuation น่าสนใจ ซื้อขายที่ PBV2560 เพียง 1.3 เท่า
Fund Flow Analysis
Fund Flow in Emerging Markets
ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 2 US$60 ล้าน จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ US$326 ล้าน
แต่ยังคงขายสุทธิตลาด TIP ต่อเนื่อง
Foreign Investors Action วานนี้
ต่างชาติลดน้ำหนักตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 23 พร้อมชะลอการขายทุกตลาดในไทย
นักลงทุนต่างชาติ ยังคงขายสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 23 ลดลงเหลือ 692 ล้านบาท รวม 23 วันทำการต่างชาติขายสุทธิ 37,003 ล้านบาท ส่งผลให้ YTD นักลงทุนกลุ่มนี้ซื้อสุทธิลดลงเป็น 84,404 ล้านบาท
ด้าน SET50 Index futures นักลงทุนกลุ่มนี้คงการ Long สุทธิเป็นวันที่ 3 มากถึง 13,195 สัญญา รวม 3 วันทำการ Long สุทธิ 27,209 สัญญา คาดว่าเป็นการเร่งปิดปิดสถานะ Short ต่อเนื่อง ทำให้ QTD ใน 4Q59 นักลงทุนกลุ่มนี้มีสถานะ Short สุทธิเหลือเพียง 4,830 สัญญา และทำให้ S50Z16 ปิดต่ำกว่า SET50 Index เป็นวันที่ 16 เท่ากับ 1.60 จุด จากวันก่อนหน้า Discount เท่ากับ 0.45 จุด
และนักลงทุนกลุ่มนี้คงการขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เป็นวันที่ 10 อีก 1,546 ล้านบาท รวม 10 วันทำการขายสุทธิ 84,371 ล้านบาท เทียบกับ 3 วันทำการก่อนหน้าซื้อสุทธิ 2,695 ล้านบาท ขณะที่ราคาพันธบัตรไทยแกว่งในกรอบแคบเป็นวันที่ 3 ผ่านผลตอบแทนพันธบัตรไทยอายุ 10 ปี ลดลง 1.30bps จากวันก่อนหน้าลดลง 1.84bps ปิดที่ 2.595%
Short-Selling วานนี้
เท่ากับ 774 ล้านบาท จากวันก่อนหน้า 563 ล้านบาท ด้วยจำนวนหุ้น 51 หลักทรัพย์ จากวันก่อนหน้า 61 หลักทรัพย์
NVDR Movement
NVDR ซื้อสุทธิเป็นวันที่ 5 กลับมาเน้นกลุ่มธนาคาร และปิโตรเคมี เด่น
การซื้อขายผ่าน NVDR วานนี้ซื้อสุทธิมากถึง 1,912 ล้านบาท จากวันก่อนหน้าซื้อสุทธิ 1,023 ล้านบาท รวม 5 วันทำการซื้อสุทธิ 4,663 ล้านบาท โดยกลับมาเน้นสะสมกลุ่มธนาคารเด่น 921 ล้านบาท กลุ่มปิโตรเคมี 417 ล้านบาท และกลุ่มค้าปลีก 266 ล้านบาท แต่ยังคงลดน้ำหนักกลุ่ม ICT ต่อเนื่องอีก 386 ล้านบาท
ประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ – การเงินรายภูมิภาค
สหรัฐอเมริกา
รายงานการประชุมเฟดส่งสัญญาณพร้อมขึ้นอัตราดอกเบี้ย: รายงานการประชุมเฟดวันที่ 1-2 พ.ย.ที่ผ่านมา สะท้อนความเชื่อมั่นต่อภาพรวมเศรษฐกิจ แม้ว่าผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีจะเป็นอย่างไรก็ตาม โดยสมาชิกที่ลงคะแนนได้ ต่างเห็นเหมือนกันถึงเศรษฐกิจที่อาจจะขยายตัวในอัตราเร่ง หรือ ต่ำกว่าคาด รวมถึงตลาดแรงงานที่ตึงตัว เป็นความเสี่ยงที่พอๆ กัน สมาชิกส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่าถึงเวลาสำหรับการขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาเป็นกลางถึงบวก
- ยอดคำสั่งซื้อใหม่ เดือนต.ค. เพิ่มขึ้น 4.8% mom ดีกว่า Bloomberg consensus คาด 1.5% mom และเดือนก่อนหน้า 0.4% mom โดยคำสั่งซื้อกลุ่มขนส่งเพิ่มขึ้นถึง 12.0% mom
- ยอดขอสวัสดิการว่างงาน เท่ากับ 2.51 แสนตำแหน่ง ใกล้เคียงกับ Bloomberg consenus คาด 2.50 แสนตำแหน่ง แต่เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า 2.33 แสนตำแหน่ง
- ดัชนีราคาบ้านเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 0.6% mom ใกล้เคียงกับ Bloomberg consensus คาด 0.7% mom และเดือนก่อนหน้า 0.7% mom โดย 8 ใน 9 กลุ่มราคาบ้านเพิ่มขึ้น mom โดยเฉพาะในพื้นที่แถบแปซิฟิกที่เพิ่มขึ้น 1.3% mom
- ยอดขายบ้านใหม่ เดือนต.ค. เท่ากับ 5.63 แสนตำแหน่ง ต่ำกว่า Bloomberg consensus คาด 5.90 แสนหลัง และเดือนก่อนหน้า 5.74 แสนหลัง หรือลดลง 1.9% mom ทั้งนี้ยอดขาย 3 ใน 4 ภูมิภาคชะลอตัวลง นำโดยยอดขายในแถบตะวันออกเฉียงเหนือ หดตัว 9.1% mom
- ดัชนี Consumer sentiment เดือนพ.ย. เท่ากับ 93.8 จุด ดีกว่า Bloomberg consensus คาด 91.6 จุด และเดือนก่อนหน้าที่ 91.6 จุด
ยุโรป
สำนักงานงบประมาณอังกฤษปรับประมาณการ GDP ช่วง 5 ปีข้างหน้าลง: Office for Budget Responsibility (OBR) ปรับประมาณการ GDP ของอังกฤษเฉลี่ยใน 5 ปีข้างหน้าลงเหลือ 2.4% โดยประเมินปี 2560 จะขยายตัวเพียง 1.4% จาก 2.1% ในปี 2559 จากผลกระทบของ Brexit พร้อมกับประมาณการรัฐบาลจะต้องกู้เงินเพิ่มขึ้นอีก GBP1.0 แสนล้านตลอด 5 ปีข้างหน้า ทำให้ระดับหนี้สาธารณะเทียบกับ GDP ของอังกฤษจะทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2507 ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
เยอรมันยังคงเชื่อมั่น IMF จะยังร่วมเป็นเจ้าหนี้สนับสนุนกรีซ: โฆษกกระทรวงการคลังของเยอรมัน กล่าวว่า เยอรมันคาดว่า IMF จะยังอยู่คณะกรรมการพิจารณาแผนช่วยเหลือกรีซต่อไป และร่วมมือทำงานเพื่อให้กรีซผ่านพ้นปัญหา ทั้งนี้เจ้าหนี้จะยังไม่ให้เงินช่วยเหลือกรีซเพิ่มเติม จนกว่าแผนงานต่างๆ ตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้สำเร็จภายในปี 2561
ECB เตรียมออกมาตรการกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์: แหล่งข่าวจาก ECB รายงานว่า ECB อยู่ระหว่างการพิจารณามาตรการกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อ โดยใช้เครื่องมือพันธบัตรรัฐบาลที่ ECB มีอยู่ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องกลับเข้าไปในตลาดเงินระยะสั้น หรือที่เรียกว่า Repurchase Agreement (Repos) ทั้งนี้การปล่อยสินเชื่อลักษณะนี้จะขึ้นอยู่กับหลักประกัน และ rating ของตราสารหนี้เป็นสำคัญ
จีน
ไม่มี
เอเชียแปซิฟิก
ไม่มี
ไทย
ไม่มี
โดย บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด ประจำวันที่ 24 พ.ย. 2559
ข่าวเด่น