พลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แสดงความคิดเห็นกรณีนักการเมืองบางคนบางกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์มาตรการเพิ่มรายได้ 1,500-3,000 บาท แก่ผู้มีรายได้น้อย ซึ่งผ่านความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ( ครม.) เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาไม่ต่างจากนโยบายประชานิยมในอดีตว่า รัฐบาลมีหน้าที่สนับสนุนดูแลพี่น้องประชาชนทุกกลุ่ม ทุกสถานะ ให้สามารถดำรงชีพได้อย่างมีความสุข ลดช่องว่างทางสังคม และมีศักดิ์ศรีตามสมควร ด้วยมาตรการที่แตกต่างกันไปตามความจำเป็น ทั้งระยะสั้น และ ระยะยาว
โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า การให้ความใส่ใจกับประชาชนทุกภาคส่วนเป็นสิ่งดีที่ทุกรัฐบาลด้วยต้องปฏิบัติ แต่สิ่งสำคัญคือการดำเนินการใดๆ จะต้องไม่มีวาระซ่อนเร้น ไม่ทำเพื่อคะแนนเสียง หรือสร้างฐานความนิยม โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประเทศ กับลูกหลานในภายหน้าแต่จะต้องดำเนินการด้วยความจริงใจ โปร่งใส ชัดเจน รอบคอบ ไม่สร้างผลกระทบต่อระบบการเงินการคลังของชาติ ที่สำคัญผู้นำและผู้บริหารในทุกระดับ จะต้องมีธรรมาภิบาลในการทำงาน เพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ดีต่อบ้านเมืองต่อไป
“สำหรับผม การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่สมควรได้รับ โดยไม่สร้างปัญหาไว้เบื้องหลัง น่าจะเรียกว่าเป็นสวัสดิการแห่งรัฐ มิใช่ประชานิยม ในนิยามที่เราเข้าใจหรือคุ้นเคยกัน ว่าคิดทำเพื่อหวังคะแนนเสียง และความนิยมจากประชาชน โดยไม่สนใจผลระยะยาวต่อประเทศชาติ ทั้งนี้อยากแนะนำให้พี่น้องประชาชนที่เข้าข่ายได้รับการดูแลจากมาตรการนี้ ใช้จ่ายเงินอย่างมีเป้าหมาย เกิดประโยชน์ต่อตนเองและครอบครัว อย่าคิดว่าได้มาโดยง่าย ก็จะใช้โดยสะดวก เพราะจะผิดวัตถุประสงค์ที่ต้องการแบ่งเบาภาระ มิใช่การสร้างหนี้เพิ่ม” พลโทสรรเสริญกล่าว
ข่าวเด่น