เมื่อ 24 พ.ย. น.ส.จริยา สุทธิไชยา รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการพืชน้ำมันและน้ำมันพืช ที่พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้เห็นชอบกำหนดกรอบการตลาดนำเข้าถั่วเหลืองของประเทศไทยระยะเวลา 3 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2560 – 31 ธ.ค.2562 กำหนดเงื่อนไขว่าเอกชนที่ได้สิทธินำเข้าถั่วเหลืองและกากถั่วเหลืองจากกระทรวงพาณิชย์ จะต้องรับซื้อถั่วเหลืองที่ผลิตภายในประเทศทุกเมล็ดในราคาไร่นาบวกอีก 2 บาท ตามวัตถุประสงค์ในการนำไปใช้ ได้แก่ 1.กรณีนำไปผลิตน้ำมันพืช ต้องรับซื้อในราคา 15.50 บาท บวก 2 บาท เป็น 17.50 บาท/กิโลกรัม (กก.) 2.กรณีนำไปผลิตอาหารสัตว์ กำหนดราคารับซื้อในราคา 15.75 บาท บวก 2 บาท เป็น 17.75 บาท/กก. และ 3.กรณีนำไปแปรรูปอาหาร กำหนดราคารับซื้อในราคา 17.75 บาท บวก 2 บาท เป็น 19.75 บาท/กก. โดยการเพิ่มราคารับซื้อให้กับเกษตรกรถือว่าไม่ขัดต่อกฎระเบียบของ WTO
ทั้งนี้ การกำหนดเงื่อนไขต้องรับซื้อถั่วเหลืองจากเกษตรกรในราคาสูงขึ้นนั้น เพื่อจูงใจให้มีการปลูกถั่วเหลืองในประเทศมากขึ้น หรือเป็นพืชทางเลือกหลังทำนา โดยขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างการสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกพืชแปลงใหญ่ ซึ่งถั่วเหลืองก็เป็นหนึ่งในพืชทางเลือกดังกล่าว โดยเกษตรกรที่จะปลูกยังสามารถรวมแปลงผลิตและเข้าใช้สิทธิตามโครงการสนับสนุนของรัฐบาล คือสามารถกู้ยืมเงินจาก ธ.ก.ส.ในอัตราดอกเบี้ย 0.01% เพื่อมาลงทุนในการปลูกถั่วเหลืองแปลงใหญ่ได้
นอกจากนี้ที่ประชุมฯยังได้หารือถึงแนวทางการเพิ่มผลผลิตถั่วเหลืองในประเทศไทย ส่วนหนึ่งเพื่อความมั่นคงทางอาหาร เพราะปัจจุบันพื้นที่ปลูกถั่วเหลืองเหลือเพียง 2 แสนไร่ จากอดีตที่ปลูกอยู่ประมาณ 1 ล้านไร่ มีผลผลิตอยู่เพียง 5 – 6 หมื่นตัน คิดเป็น 2% ของความต้องการใช้ในประเทศ ขณะที่ความต้องการใช้ในประเทศเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ปัจจุบันประเทศไทยต้องพึ่งพาการนำเข้าถั่วเหลืองและกากถั่วเหลืองมาใช้ในประเทศถึง 98% ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ฯ มองว่าปริมาณที่เหมาะสมสำหรับพื้นที่เพาะปลูกถั่วเหลืองอยู่ในประเทศไทยควรจะมีพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านไร่ ซึ่งในระยะเวลาประมาณ 5 ปีข้างหน้าหรือภายในปี 2564 หากมีการวางแผนรองรับที่ดี และควรจะขยายพื้นที่เพาะปลูกไปยังภาคเหนือ และภาคกลางที่มีอากาศเย็น และระบบชลประทานที่ดี
.jpg)
ข่าวเด่น