นายกรัฐมนตรีตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่แก่ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยคาดการณ์รายได้นักท่องเที่ยวต่างชาติไตรมาสที่สี่จะขยายตัวไม่ต่ำกว่าร้อยละ 6.0
วันนี้ (25พ.ย.59) เวลา 09.30 น. ณ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่แก่ผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยมี นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา คณะผู้บริหารกระทวงการท่องเที่ยวและกีฬา เช่น นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อธิบดีกรมพลศึกษา ผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย อธิการบดีสถาบันการพลศึกษา รองผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้การต้อนรับ
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้รับฟังรายงานสถานการณ์ด้านท่องเที่ยวตั้งแต่ปี 2550 -2559 ซึ่งตัวเลขจำนวนและรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็นที่น่าพอใจ โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นประมาณปีละ 10% มีเพียงปี 2557 ที่ลดลงเนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่สงบ และชะลอตัวในไตรมาสสี่ของปีนี้ซึ่งขณะนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้มีการเตรียมมาตรการที่จะผลักดันดำเนินการให้มีอัตราจำนวนและรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเฉลี่ย 10% ให้ได้ อย่างไรก็ตามปัจจุบันประเทศไทยมีรายได้จากนักท่องเที่ยวเป็นอันดับที่ 6 ของโลก และจำนวนนักท่องเที่ยวเป็นอันดับที่ 11 ของโลก ส่วนปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ที่มีอยู่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาก็จะเร่งดำเนินการแก้ไขต่อไป ขณะที่สถานการณ์ด้านกีฬา ประชาชนร้อยละ 26.1 ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นักท่องเที่ยวกว่า 2.5 ล้านคน เข้าร่วมกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงกีฬา อุตสาหกรรมกีฬาสร้างรายได้เฉลี่ย 9.9% ต่อปี จ้างงานกว่า 180,000 อัตรา นักกีฬาอาชีพและสมัครเล่นของประเทศไทยติดอันดับโลก เป็นต้น ทั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้กำหนดวิสัยทัศน์การท่องเที่ยวไทย พ.ศ. 2579 สอดคล้องตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 คือ “ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพชั้นนำของโลก ที่เติบโตอย่างมีดุลยภาพบนพื้นฐานความเป็นไทย เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และกระจายรายได้สู่ประชาชนทุกภาคส่วนอย่างยั่งยืน”
สำหรับผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (พ.ศ.2557 - 2559) เช่น การจัดทำแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2560 - 2564) ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2559 เน้นส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศไทยเป็น “Quality Leisure Destination” ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและมีคุณภาพ โดยกำหนด 7 สินค้าวิถีไทย ได้แก่ อาหารไทย ศิลปะไทย วิถีชีวิตไทย สุขภาพดีแบบไทย เทศกาลไทย ความเชื่อไทย สนุกแบบไทย การพัฒนา 12 เมืองต้องห้าม...พลาด และพัฒนา 12 เมืองต้องห้ามพลาด...พลาด Plus ซึ่งปี 2558 รายได้เพิ่มขึ้น 13.57% และปี 2559 รายได้เพิ่มขึ้น 8.04% การเป็นเจ้าภาพจัดงานวันท่องเที่ยวโลก (World Tourism Day) เปิดตัว TOURISM FOR ALL Technical Tour ณ ขอนแก่น ASEAN CONNECT ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมาได้เริ่มในกลุ่มประเทศ CLMV ( Cambodia Laos Myanmar Vietnam ) ทำให้ปัจจุบันเกิดการท่องเที่ยวระหว่างไทย-เมียนมาร์ ไทย-ลาว ไทยเวียดนาม และไทย-กัมพูชา รวมทั้งการพัฒนามาตรฐานการท่องเที่ยวไทยควบคู่การทำการตลาด โดยได้จัดทำและพัฒนามาตรฐานไปแล้ว 52 มาตรฐาน มีสถานประกอบการผ่านการรับรอง ปีละ 1,000 กว่าแห่ง มัคคุเทศก์ได้รับการรับรอง 236 ราย อบรมเจ้าบ้านน้อย/เจ้าบ้านที่ดี 1,140 คน ส่งเสริมกลยุทธ์รายสาขา เช่น การประชุม กีฬาเพื่อการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวทางน้ำและการท่องเที่ยวกลุ่มมุสลิม การวางแผนเตรียมความพร้อมเข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0 โดยเฉพาะด้านแหล่งข้อมูล Tourism Intelligence Center/Digital Tourism รองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวด้วยตนเองโดยการศึกษาข้อมูลผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ซึ่งคาดว่าจะเติบโตถึง 70% – 80% โดยได้มีการหารือความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและได้ลงนาม MOU ร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว ตลอดจนการป้องกันทัวร์ผิดกฎหมายและ NOMINEE
พร้อมทั้ง ได้รับฟังแผนการดำเนินงานปี 2560 เช่น การออกกฎหมายกำหนดเขตพัฒนาการท่องเที่ยวเพิ่มเติม 2 เขต เขตกรุงเทพมหานครและหมู่เกาะทะเลใต้ ส่งเสริมประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยว อาทิ Sport hub Medical hub Wedding hub ระบบประกันภัยนักท่องเที่ยว การพัฒนาขอนแก่นให้เป็นเมืองท่องเที่ยวหลักตั้งเป้า 5 ล้านคนต่อปี พัฒนาทักษะภาษาต่างประเทศเพื่อรองรับการท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพ ส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนกระจายรายได้ เน้น Local Experience ขยายความร่วมมือกับกลุ่มประเทศ CLMV และประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน ฯลฯ รวมทั้งแผนงานสำคัญของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เช่น ด้านความมั่นคง อาทิ การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในเชิงกลุ่มพื้นที่ เมืองรอง และเมืองชายแดน ด้านเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน อาทิ การพัฒนายกระดับสินค้าและบริการท่องเที่ยวให้ได้มาตรฐาน ด้านพัฒนาศักยภาพคน อาทิ การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการและบุคลากรการท่องเที่ยวทั้งระบบ ด้านความเสมอภาคและเท่าเทียม อาทิ การส่งเสริมการกระจายโอกาสในการท่องเที่ยวแก่คนไทย ด้านการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อาทิ การขยายฤดูกาลท่องเที่ยวและกระจายพื้นที่ท่องเที่ยว ด้านการบริหารจัดการภาครัฐ อาทิ การเพิ่มประสิทธิภาพความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว การจัดทำฐานข้อมูลเศรษฐกิจการท่องเที่ยวทั้งระบบ/Digital Tourism เป็นต้น
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณและชื่นชมผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาทุกคนที่ร่วมกันทำงานจนสามารถทำให้รายได้ของประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญเพราะเรื่องของการท่องเที่ยวถือเป็นปัจจัยหลักในการส่งเสริมมูลค่าเพิ่มให้กับ GDP หรือรายได้มวลรวมของประเทศโดยหวังว่าในไตรมาสสี่การท่องเที่ยวปีนี้จะเติบโตกว่าไตรมาสสี่ของปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันขอให้มีการแก้ปัญหาทัวร์ผิดกฎหมายและเตรียมมาตรการต่าง ๆ รองรับปัญหาอุปสรรคที่จะเกิดขึ้น ตลอดจนแสวงหาความร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องโดยใช้หลักรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์และเศรษฐศาสตร์ควบคู่กับการพิจารณาประกอบการดำเนินการและให้สอดคล้องทันต่อสถานการณ์ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศที่เปลี่ยนแปลง เพื่อการดำเนินการด้านการท่องเที่ยวเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดและประเทศมีความเข้มแข็งสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้อย่างยั่งยืน
อีกทั้งได้ย้ำให้เร่งดำเนินการแก้ปัญหาด้านโครงสร้างเรื่องของการท่องเที่ยวและกีฬาทั้งระบบเริ่มตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง ไปจนถึงปลายทาง บริหารจัดการทรัพยากรบุคคลที่มีอยู่ขององค์กรให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีการติดตามประเมินผล กำกับดูแล แก้ปัญหาการทำงานต่าง ๆ เพื่อให้งานเกิดผลสัมฤทธิ์และประสิทธิผลอย่างแท้จริง และเป็นการสร้างคุณค่าให้กับตนเองอันจะส่งผลทำให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นองค์กรที่มีความเข้มแข็งด้วยตนเอง ขณะเดียวกันบูรณาการทำงานร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสอดคล้องทันกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน รวมทั้งจัดทำแผนงานยุทศาสตร์ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาต้องสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 และยุทธศาสตร์ชาติ 20 ตลอดจนการจัดทำงบประมาณต้องแบ่งเป็นงบประมาณที่เกี่ยวกับงาน function และงบประมาณตามแผนงาน agenda หรืองานตามนโยบาย คำนึงถึงการใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างคุ้มค่าเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ โดยงานใดที่เป็นงานเร่งด่วนสามารถดำเนินการได้ก่อนให้เร่งดำเนินการาภายปี 2560 ส่วนงานใดที่ยังไม่ได้ดำเนินการในห้วงเวลานี้ให้ไปดำเนินการในระยะต่อไปตามแผนงานและเป้าหมายที่กำหนดไว้โดยให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี นอกจากนี้ต้องมีการสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนและสังคมรับทราบข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อจะได้เกิดความเข้าใจอันจะส่งผลให้เกิดความร่วมมือพร้อมสนับสนุนการทำงานของภาครัฐและกระทรงการท่องเที่ยวและกีฬาให้เป็นไปตามแนวทางที่กำหนด
พร้อมทั้งเน้นให้จัดการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ธรรมชาติ และชุมชนเชื่อมโยงสินค้าผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นของแต่ละพื้นที่ ขณะเดียวกันให้มีการบริหารการท่องเที่ยวเชิงภูมิภาคโดยเชื่อมโยงการท่องเที่ยวระหว่างภูมิภาคต่าง ๆ ตั้งแต่กลุ่มจังหวัด ไปสู่จังหวัด และชุมชน เพื่อให้การท่องเที่ยวของประเทศเกิดการเชื่อมโยงทั้งด้านกิจกรรมและมูลค่าอย่างเป็นระบบครบวงจรไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสถานที่แหล่งท่องเที่ยว ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น การให้บริการ สถานประกอบการ ร้านค้า เพื่อทำให้เกิดการส่งเสริมอาชีพในชุมชนและประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศที่ทุกภาคส่วนจะได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงนโยบายของรัฐบาลในปี 2559 - 2560 ว่า ต้องการให้รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะในไตรมาสที่สี่ขยายตัวไม่ต่ำกว่าร้อยละ 6.0 อย่างไรก็ตามตัวเลขการท่องเที่ยว 3 ไตรมาสที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ดีและเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ และคาดว่าไตรมาสสี่ก็จะเป็นไปตามเป้าหมายเช่นกัน ส่วนการแก้ปัญหานักท่องเที่ยวผิดกฎหมายให้ดำเนินการไปตามกฎหมาย พร้อมขอให้ทุกฝ่ายร่วมกันสร้างความเข้าใจเพื่อให้เกิดเชื่อมั่นที่จะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมด้วย
ข่าวเด่น