สศท.3 ติดตามเกษตรกรทำอินทรีย์ เผยผลผลิตสูงขึ้นจริง แนะเกษตรกรที่อยู่ระหว่างปรับเปลี่ยนต้องเชื่อมั่น
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 3 สำรวจเกษตรกรทำเกษตรอินทรีย์ จังหวัดหนองคาย ปี 59 เผย เกษตรกรที่ทำเกษตรอินทรีย์มากกว่า 3 ปี หรือได้ใบรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ผลผลิตจะค่อยๆ สูงขึ้นตามคุณภาพของดินและปริมาณน้ำ ในขณะที่เกษตรกรอยู่ระหว่างปรับเปลี่ยนช่วง 1-3 ปี บางส่วนยังขาดความเข้าใจและการนำความรู้ไปปฏิบัติ แนะ 4 แนวทางพัฒนาการผลิตตลอดห่วงโซ่อุปทานให้เกิดความสมดุลอย่างยั่งยืน
นายคมสัน จำรูญพงษ์ รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 3 จังหวัดอุดรธานี (สศท.3) ได้สำรวจเกษตรกรที่ทำเกษตรอินทรีย์ในจังหวัดหนองคาย ปี 2559 พบว่า เกษตรกรส่วนใหญ่อยู่ในระยะปรับเปลี่ยนช่วง 1-3 ปี การปรับเปลี่ยนจากเคมีมาทำเกษตรอินทรีย์ เนื่องจากคำนึงถึงสุขภาพเป็นหลัก อีกทั้งได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐและต้องการลดต้นทุนการผลิต แต่อย่างไรก็ตาม ผลจากการปรับเปลี่ยนมาทำเกษตรอินทรีย์ เกษตรกรบางส่วนยังไม่เข้าใจการทำเกษตรอินทรีย์ และไม่ได้นำความรู้จากการอบรมไปปฏิบัติในฟาร์ม รวมทั้งปัญหาเรื่องน้ำ สภาพแวดล้อมไม่เอื้อต่อการทำเกษตรอินทรีย์ จึงทำให้บางรายถอดใจหันกลับไปทำเกษตรเคมีเช่นเดิม
ส่วนเกษตรกรที่ทำเกษตรอินทรีย์มากกว่า 3 ปี หรือได้ใบรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ผลผลิตจะค่อยๆ สูงขึ้นตามคุณภาพของดินและปริมาณน้ำ รวมถึงการบำรุงดูแลรักษา แต่ยังประสบกับปัญหาเรื่องตลาดรองรับผลผลิตมีน้อย จึงส่งผลให้ราคาขายไม่แตกต่างจากราคาสินค้าเกษตรปกติ อย่างไรก็ตาม พบว่า เกษตรกรในกลุ่มนี้ยังมีความมุ่งมั่นที่จะทำเกษตรอินทรีย์ต่อไป ด้วยคำนึงถึงสุขภาพของตนเอง ครอบครัวและผู้บริโภคเป็นสำคัญ และคาดหวังว่าใบรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ที่ได้รับจะทำให้สามารถขายสินค้าเกษตรอินทรีย์ได้ในราคาสูง
จากปัญหาและความคาดหวังของเกษตรกรเกษตรอินทรีย์ดังกล่าว สศท.3 จึงได้เสนอแนวทางการพัฒนาเกษตรอินทรีย์จังหวัดหนองคายปี 2560-2564 ด้วย 4 แนวทาง คือ 1) เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเกษตรอินทรีย์ตลอดห่วงโซ่อุปทาน โดย ลด ละ เลิกการใช้สารเคมี ผลิตให้ได้มาตรฐาน GAP ในเบื้องต้นแล้วมุ่งเน้นการผลิตให้ได้รับมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ทั้งในประเทศและระดับสากล
2) ส่งเสริมและพัฒนาด้านการตลาดเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจเกษตรอินทรีย์ โดยการรวมกลุ่มผู้ผลิตและแปรรูปสินค้าในจังหวัดหนองคาย จัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าหรือตลาดกลางสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่สำคัญระหว่างประเทศไทยกับ สปป.ลาว ปรับตำแหน่งทางการตลาดให้เป็นสินค้าเกษตรเกรดพรีเมียม อีกทั้งปรับปรุงส่วนผสมทางการตลาด (4P) ได้แก่ พัฒนาผลิตภัณฑ์และรูปลักษณ์ผลิตภัณฑ์ การสร้างแบรนด์และความเป็นอัตลักษณ์ของจังหวัด ขยายช่องทางการจัดจำหน่าย ปรับราคาตามต้นทุนที่แท้จริง และการจัดกิจกรรมส่งเสริมทางการตลาด
3) ส่งเสริมและพัฒนาองค์กรเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร Cluster เกษตรอินทรีย์ให้มีความเข้มแข็ง ให้มีองค์ความรู้ในการทำเกษตรอินทรีย์ สามารถนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเกษตรอินทรีย์ที่เหมาะสมมาปรับใช้ได้ในฟาร์ม (Smart Farmer) รวมถึงสามารถเจรจาการค้าดังเช่นเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneur) ด้วยการสนับสนุนจากกระทรวงต่างๆ เช่น กระทรวงเกษตร พาณิชย์ วิทยาศาสตร์ และอุตสาหกรรม เป็นต้น และ 4) บริหารจัดการและขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ด้วยการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาปรับใช้ ให้สามารถพึ่งพาตนเองได้ มีภูมิคุ้มกันพร้อมรับความเสี่ยงด้านการผลิต ด้านการตลาด รวมถึงผสมผสานเทคโนโลยีและวิธีชาวบ้านให้เกิดความสมดุลและยั่งยืนต่อไป
ข่าวเด่น