เมื่อวันที่ 29 พ.ย. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เผยแพร่เอกสารข่าว เตือนประชาชนให้ระวังพันธบัตรสหรัฐฯปลอมระบาด โดยระบุว่า ตามที่ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ มอบหมายให้สำนักกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ โดยศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมร้ายแรงและก่อการร้ายสากล ดำเนินการสืบสวนตามที่แผนกตำรวจแคนาดา ขอความร่วมมือให้ดำเนินการสืบสวนกรณีมีบุคคลต่างชาตินำพันธบัตรสหรัฐอเมริกาปลอม มูลค่ากว่า1.2พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือกว่า 40,000 ล้านบาท มาใช้แสดงต่อผู้อื่นว่าเป็นพันธบัตรจริงที่ออกโดยรัฐบาลสหรัฐฯ และสามารถนำไปไถ่ถอนได้ โดยมีเจตนาให้ผู้อื่นหลงเชื่อและอาจเกิดความเสียหายได้ ผลการตรวจสอบโดยสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ยืนยันแล้วว่าพันธบัตรดังกล่าวเป็นของปลอม กรณีเข้าข่ายเป็นความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 266 และ 268
ที่ผ่านมาพบว่ามีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลชาวไทยหรือชาวต่างชาตินำพันธบัตรปลอมลักษณะเดียวกันมาแอบอ้างใช้หลอกลวงผู้อื่นเพื่อหวังผลประโยชน์ตอบแทน เช่น ใช้พันธบัตรปลอมเป็นหลักประกันหรือสร้างความน่าเชื่อถือ เพื่อให้ผู้ถูกหลอกลวงหลงเชื่อและนำเงินมาร่วมลงทุนหรือดำเนินกิจกรรมใด โดยมีผลประโยชน์ตอบแทนในอัตราที่สูงมาเป็นสิ่งจูงใจ และสร้างหลักฐานปลอมต่างๆมาสนับสนุนเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น จนทำให้ผู้ถูกหลอกลวงตัดสินใจนำเงินไปร่วมลงทุนด้วยและต้องสูญเสียทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ ลักษณะพันธบัตรสหรัฐฯ ปลอมที่นำมาใช้หลอกลวงในคดีความผิดลักษณะนี้ จะมีลักษณะเป็นเอกสารพันธบัตรเก่า ระบุว่าพิมพ์ขึ้นเมื่อ 60-80 ปีก่อน หรือช่วงปี ค.ศ. 1930 และมีเนื้อหาและรูปแบบที่คล้ายคลึงกับต้นฉบับของจริงมาก แม้ว่าจะตรวจสอบได้ยาก แต่มีจุดที่สังเกตได้ว่าเป็นพันธบัตรปลอม เช่น มูลค่าพันธบัตรที่สูงเกินไป การสะกดคำผิด การระบุชื่อหน่วยงานรัฐบาลของสหรัฐฯ ที่ไม่มีอยู่จริง เป็นต้น
ดีเอสไอจึงขอเตือนไปยังประชาชนให้ระมัดระวัง หากมีผู้นำพันธบัตรสหรัฐฯ หรือนำเอกสารทางการเงินในทำนองเดียวกันนี้ มาชักชวนให้ร่วมลงทุนโดยอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนสูง ดีเอสไอขอแนะนำให้ท่านตรวจสอบอย่างรอบคอบเพื่อป้องกันมิให้ต้องตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงในลักษณะดังกล่าว
ข่าวเด่น