สภาวะตลาดวันที่ 29 พฤศจิกายน 2559 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,186.08-1,194.94 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 20,150 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,100 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFZ16 อยู่ที่ 20,150 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 80 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 20,230 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.19 น.ของวันที่ 29/11/16)
แนวโน้มวันที่ 30 พฤศจิกายน 2559
ความกังวลว่าราคาน้ำมันดิบจะปรับฐานอย่างรุนแรง ถ้าหากกลุ่มโอเปกประสบความล้มเหลวในแผนการปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันของแต่ละประเทศ โดยจะมีการยื่นแผนดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมรัฐมนตรีกลุ่มโอเปกในวันพุธที่ 30 พฤศจิกายนนี้ นักวิเคราะห์ต่างๆออกมาเตือนว่า ราคาน้ำมันดิบอาจลดลงไปต่ำกว่า 40-35 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล หากกลุ่มโอเปกไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในเรื่องของการปรับลดกำลังการผลิตลงได้ ราคาน้ำมันดิบที่แกว่งตัวผันผวนส่งผลให้นักลงทุนยังไม่ต้องการซื้อสินทรัพย์เสี่ยงในช่วงนี้ ซึ่งได้กระตุ้นแรงซื้อเข้าสู่ตลาดทองคำ
ทั้งนี้ ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยได้รับแรงหนุนเพิ่มในระยะยาวเมื่อมีข้อมูลบ่งชี้ว่าอิตาลีก้าวขึ้นมาประเทศที่มีแนวโน้มสูงสุดที่จะถอนตัวออกจากยูโรโซน โดยบริษัทเซนทิกซ์ เปิดเผยผลสำรวจระบุว่า โอกาสที่อิตาลีจะถอนตัวออกจากยูโรโซนในช่วง 12 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 19.3% ซึ่งถือว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2555 เป็นต้นมา โดยโพลล์เดือนที่แล้วระบุว่า อิตาลีมีโอกาสเพียง 9.9% ที่จะถอนตัวออกจากยูโรโซน
อย่างไรก็ตามแนะนำนักลงทุนติดตามการเคลื่อนไหวของสกุลเงินยูโรที่ได้รับแรงกดดันจากปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวเช่นกัน ซึ่งกลับมากดดันราคาทองคำในระยะสั้น ขณะที่ความเสี่ยงทางการเมืองของอิตาลีในช่วงนี้ ยังคงเป็นสิ่งนักลงทุนกำลังจับตาก่อนที่อิตาลีจะทำประชามติเรื่องการปฏิรูปรัฐธรรมนูญในวันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบทางการเมือง เพราะ ถ้าหากฝ่ายที่โหวต "ไม่" ชนะการลงประชามติในอิตาลี พรรค 5-สตาร์ มูฟเมนท์ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองที่ชูนโยบายประชานิยมและนโยบายต่อต้านยูโร ก็มีแนวโน้มมากยิ่งขึ้นที่จะได้เป็นรัฐบาลอิตาลี ทั้งนี้ราคาทองคำมักจะเคลื่อนไหวตามกระแสข่าวที่เกิดขึ้น เพราะประเด็นข่าวเหล่านี้มักจะชี้นำราคาทองคำ
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำให้ลงทุนระยะสั้นโดยรอซื้อเมื่อราคาย่อตัวลงไปบริเวณแนวรับที่ 1,175-1,171 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้น โดยราคาทองคำมีลักษณะการแกว่งตัวในระยะสั้นเพื่อสะสมกำลังแบบ Sideway ในระยะสั้น โดยมีการทรงตัวรักษาระดับไว้ น่าจะพอทำให้ในระยะสั้นนี้ราคาจะเคลื่อนไหวในกรอบ โดยหากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือแนวต้านได้อย่างแข็งแกร่ง นักลงทุนยังต้องระมัดระวังแรงขายทางเทคนิคและนักลงทุนควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาหลุดบริเวณแนวรับ เพื่อลดความเสียหายของพอร์ทการลงทุน ในขณะที่นักลงทุนที่มีทองคำในมือ ให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวหรือไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,197-1,203 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แล้วรอไปซื้อคืนบริเวณแนวรับสำคัญ
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,171 (19,760บาท) 1,162 (19,600บาท) 1,150 (19,400บาท)
แนวต้าน 1,203 (20,300บาท) 1,214 (20,500บาท) 1,221 (20,600บาท)
ข่าวเด่น