หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์พลังงาน บมจ.ไทยออยล์ ประจำวันที่ 30 พ.ย. 2559 ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงกว่าร้อยละ 4 ท่ามกลางความไม่แน่นอนของการประชุมกลุ่มโอเปกคืนนี้
(-) ราคาน้ำมันดิบปิดตลาดลดลงกว่าร้อยละ 4 หลังที่ประชุมกลุ่มโอเปกยังไม่สามารถสรุปวาระการลดกำลังการผลิตของประเทศสมาชิกได้ในวันจันทร์ที่ 28 พ.ย. ที่ผ่านมา เนื่องจากอิหร่านมีความจำนงให้ซาอุดิอาระเบียปรับลดกำลังการผลิตลงถึง 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเกินกว่าที่ซาอุดิอาระเบียได้เสนอไว้เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้าถึง 2 เท่าตัว ในขณะที่อิหร่าน ลิเบีย และไนจีเรีย ได้รับการยกเว้นจากที่ประชุมให้คงกำลังการผลิตได้
(-) ขณะที่อิรักที่แสดงท่าทีให้ความร่วมมือในการลดกำลังการผลิตในช่วงก่อนหน้า ได้ออกมาเปิดเผยว่า ตนมีความไม่เห็นด้วยที่จะต้องลดกำลังการผลิตลง เนื่องในความจำเป็นที่ต้องใช้เงินทุนจากการขายน้ำมันดิบเพื่อทาสงครามกับกลุ่มรัฐอิสลาม (ISIS)ซึ่งในขณะนี้อิรักมีกำลังการผลิตน้ำมันดิบประมาณ 4.2ล้านบาร์เรลต่อวัน
(-) นาย Suhail bin Mohammedal-Mazroui รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานประจำประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้ให้ความเห็นว่าตลาดน้ำมันดิบจะเข้าสู่สมดุลได้ตามธรรมชาติภายในระยะเวลา 6 เดือน แม้ว่าจะไม่มีการลดลงกำลังการผลิตลง แต่หากมีการปรับลดกำลังการผลิตจะช่วยให้การปรับสมดุลดังกล่าวเป็นไปได้เร็วขึ้น
(+) อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์จากทาง Goldman Sachs มีความเห็นว่าราคาน้ำมันดิบมีโอกาสทรงตัวได้ที่ระดับ 45 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในครึ่งแรกของปี 2017 จากปัจจัยพื้นฐานที่ปรับตัวดีขึ้น ถึงแม้โอเปกจะไม่ได้ลดกำลังการผลิตลงก็ตาม ซึ่งขัดแย้งกับความเห็นของ Morgan Stanley ที่มองว่าความล้มเหลวของการประชุมโอเปกจะทำให้ราคาน้ำมันดิบมีโอกาสทรุดตัวลงต่ำกว่า 35เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
(+) หลังปิดตลาด สถาบันปิโตรเลียมสหรัฐฯ หรือ APIเปิดเผยตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงประมาณ 700,000บาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นราว 600,000บาร์เรล
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากอุปสงค์ในประเทศอินโดนีเซียยังคงอยู่ในระดับสูง ประกอบกับการได้รับแรงสนับสนุนจากราคาน้ำมันเบนซินทางฝั่งสหรัฐฯที่ปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ดี ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากประเทศจีนที่ยังส่งออกน้ำมันเบนซินอยู่อย่างต่อเนื่อง
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากส่วนต่างระหว่างราคาน้ำมันดีเซลในเอเชียและตะวันตกปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีโอกาสในการส่งออกน้ำมันดีเซลไปยังตะวันตก อย่างไรก็ดี อุปสงค์ในจีนเริ่มชะลอตัวโดยปรับลดลงจากเดือนก่อนหน้าราวร้อยละ 5.6
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ45-50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 46-51 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
จับตาการประชุมกลุ่มโอเปกในวันที่ 30 พ.ย. นี้ โดยตลาดคาดว่ากลุ่มโอเปกจะสามารถตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตมาอยู่ที่ระดับ 32.5 -33.0ล้านบาร์เรลต่อวันได้ ภายหลังประเทศภายในกลุ่มโอเปกมีท่าทีที่ผ่อนคลายมากขึ้น ข้อเสนอปัจจุบันคือแต่ละประเทศ ยกเว้นลิเบียและไนจีเรีย จะมีการปรับลดกำลังการผลิตลงราวร้อยละ 4.0 -4.5ในขณะที่ รัสเซียออกมากล่าวสนับสนุนข้อตกลงดังกล่าวและคาดจะคงกำลังการผลิตไว้ที่ระดับเดิม
ภาวะอุปทานน้ำมันดิบล้นตลาดในสหรัฐฯ เริ่มคลี่คลายและส่งกดดันต่อราคาลดลง หลังปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันดิบในสหรัฐฯ กลับมาจากการปิดซ่อมบำรุงและเพิ่มกำลังการผลิตขึ้น โดยปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สิ้นสุดวันที่ 17พ.ย. 2559ปรับตัวลดลง 1.3ล้านบาร์เรล สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้น
ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น หลังปริมาณการขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 158 แท่นในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา หลังราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวแตะระดับ 45 -50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด วันที่ 25 พ.ย. ปรับเพิ่ม 3 แท่นมาอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือนที่ระดับ 474แท่น
โดย หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์พลังงาน บมจ.ไทยออยล์ ประจำวันที่ 30 พ.ย. 2559
ข่าวเด่น