กรมการจัดหางาน เตือนคนหางานระวังถูกหลอกไปทำงานสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยใช้วีซ่าท่องเที่ยว พบส่วนใหญ่ไปทำงานในร้านนวด เน้นย้ำควรเดินทางไปทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายโดยแจ้งการเดินทางที่ด่านตรวจคนหางานประจำสนามบิน พร้อมเตือนสาย/ นายหน้าจัดหางานเถื่อนที่หลอกคนหางานไปทำงานต่างประเทศ มีความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน มีโทษจำคุกสูงสุด ถึงสิบปี หรือปรับถึงสองแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
นายสิงหเดช ชูอำนาจ อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า กรมการจัดหางานได้รับแจ้งจากสำนักประสานความร่วมมือระหว่างประเทศว่า ฝ่ายแรงงานฯ ณ กรุงอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ว่า ได้ให้การช่วยเหลือคนงานไทยให้เดินทางกลับประเทศในฐานะผู้ตกทุกข์ได้ยาก ซึ่งได้เดินทางไปทำงานสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์อย่างผิดกฎหมาย โดยใช้วีซ่าท่องเที่ยวผ่านการให้บริการจากนายหน้าจัดหางานในประเทศไทยและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ส่วนใหญ่ทำงานในร้านนวด แต่เมื่อทำงานแล้วนายจ้างไม่ยื่นเรื่อง ขอเปลี่ยนจากวีซ่าท่องเที่ยวเป็นวีซ่าทำงานให้ และจะยึดหนังสือเดินทางของคนงานไว้ ทำให้เป็นคนทำงานโดยผิดกฎหมาย ดังนั้น เมื่อเกิดข้อพิพาทแรงงานกับนายจ้าง คนงานจะไม่กล้าแจ้งความกับหน่วยงานราชการของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพราะเกรงจะถูกจับกุมดำเนินคดี ซึ่งจะถูกจำคุก ถูกปรับ และถูกเนรเทศ
กรมการจัดหางาน จึงขอแจ้งเตือนคนหางานว่าอย่าหลงเชื่อการชักชวนจากสาย/ นายหน้าเถื่อนให้ไปทำงานประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และประเทศอื่น ๆ ผ่านทางช่องทางต่าง ๆ ซึ่งเข้าถึงได้ง่าย เช่น เฟสบุ๊ค อินสตาแกรม เป็นต้น โดยอ้างว่าสามารถจัดส่งไปทำงานได้โดยใช้วีซ่าท่องเที่ยว เพราะการไปทำงานต่างประเทศจะต้องไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และใช้วีซ่าทำงานไม่ใช่วีซ่าท่องเที่ยว ทั้งยังต้องแจ้งการเดินทางที่ด่านตรวจคนหางานของกรมการจัดหางาน ซึ่งตั้งอยู่ที่ท่าอากาศยานก่อนที่จะเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ทั้งนี้ หากผู้ใดหลอกลวงผู้อื่นว่าสามารถหางาน หรือสามารถส่งไปฝึกงานในต่างประเทศได้และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งเงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้ถูกหลอกลวงต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำและปรับ นายสิงหเดชฯ กล่าว
ข่าวเด่น