ตลาดหุ้นสหรัฐปิดตลาดเมื่อคืนนี้ (1 ธ.ค.) ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยปิดที่ระดับ 19,191.93 จุด เพิ่มขึ้น 68.35 จุด หรือ +0.4% ขณะที่อีกสองตลาดปรับตัวลดลง ไม่ว่าจะเป็นดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ระดับ 2,191.08 จุด ลดลง 7.73 จุด หรือ -0.4% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ระดับ 5,251.11 จุด ลดลง 72.57 จุด หรือ +1.4%
ปัจจัยที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นดาวโจนส์ดัชนีพุ่งขึ้น เนื่องจากมีแรงซื้อหุ้นในกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 51 ดอลลาร์/บาร์เรล ตอบรับข่าวโอเปกลดปริมาณการผลิตน้ำมันครั้งแรกในรอบ 8 ปี ขณะที่โกลด์แมนแซคส์กรุ๊ปตอกย้ำแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในปีหน้าจะพุ่งขึ้นสูงแตะระดับ 60 ดอลลาร์/บาร์เรล ทำให้นักลงทุนเร่งเข้าช้อนซื้อ
นอกจากนี้ยังมีแรงซื้อหุ้นในกลุ่มธนาคาร หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (บอนด์ยีลด์) เพิ่มขึ้นส่งผลดีต่อภาคธนาคาร ขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้นักลงทุนมองว่ากลุ่มธนาคารมีความสามารถในการทำกำไรดีขึ้น
ส่วนการที่ดัชนีเอสแอนด์พีและแนสแด็กปรับลดลง เนื่องจากถูกแรงเทขายหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีเพื่อไปเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตราสารหนี้มากขึ้นหลังผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้น
ข่าวเด่น