ราคาทองคำตลาดโลกเคลื่อนตัวในกรอบเดียวกับวานนี้ ระหว่าง US$1,158 – 1,164 โดยเป็นการแกว่งอยู่กลางกรอบหลักทางเทคนิคระหว่าง US$1,145 – 1,175 ก่อนที่ Fed จะเผยผลการประชุมปรับอัตราดอกเบี้ยในคืนวันนี้ ซึ่งแม้ตลาดกำลังจับตาประเด็นดังกล่าวอย่างใกล้ชิด แต่ด้วยการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯจำนวนหลายดัชนีในคืนนี้ จึงมีแนวโน้มจะสร้างความผันผวนให้กับตลาดทองคำได้พอสมควรก่อนถึงเวลาที่ประธาน Fed จะกล่าวแถลงการณ์

ทั้งนี้ ดัชนีเศรษฐกิจสหรัฐฯส่วนใหญ่แสดงความแข็งแกร่งออกมาอย่างต่อเนื่องในช่วง 2 – 3 เดือนที่ผ่านมา แต่นับจากเข้าสู่เดือน ธ.ค. ดัชนีบางตัวมีการปรับลดลงหรืออ่อนแรงลง ซึ่งน่าจะเป็นผลดีต่อราคาทองคำ อีกทั้งการคาดการณ์ของตลาดที่มีต่อผลการประชุม Fed ในคืนนี้ คือ การปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น จึงถือว่าได้ซึมซับข่าวสารไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น การจะปรับขึ้นสวนทางในลักษณะ buy on fact ก็มีโอกาสจะเกิดขึ้นได้ แต่ด้วยความแข็งแรงของทิศทางราคา จึงยังคงคาดการณ์กรอบหลักทางเทคนิคระหว่าง US$1,145 – 1,175 และหากมีการ breakout อาจรอจังหวะเปิดสถานะได้ในช่วงถัดไป

แนวต้าน Spot Gold :  US$1,171 / US$1,178
แนวรับ Spot Gold :  US$1,151 / US$1,144
แนะนำ :  swing trade เน้นปิดทำกำไรเร็ว

News Update

-    อัตราการจ้างงานทั้งในยูโรโซนและประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 0.4% และ 0.3% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว และปรับตัวขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ทั้งนี้ ยูโรสแตทประเมินจำนวนผู้มีงานทำใน EU ที่ 232.5 ล้านคน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่จำนวนผู้มีงานทำในยูโรโซนอยู่ที่ 153.4 ล้านคน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2551

-    ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของฝรั่งเศสเดือน พ.ย.ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนดัชนี CPI ซึ่งปรับค่าเพื่อเทียบกับประเทศในยุโรป (HICP) ปรับขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค.2557 ที่ 0.7% เมื่อเทียบรายปี

-    จีนเผยยอดปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวนอยู่ที่ 7.946 แสนล้านหยวน (1.151 แสนล้านดอลลาร์) ในเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับ 6.513 แสนล้านหยวน ในเดือน ต.ค. ส่วนปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบ ซึ่งครอบคลุมเงินสดหมุนเวียนและเงินฝากทุกประเภท (M2) ปรับตัวขึ้น 11.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 153.04 ล้านล้านหยวน และปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบ ซึ่งครอบคลุมกระแสเงินสดหมุนเวียนและเงินฝากเผื่อเรียก (M1) ปรับตัวขึ้น 22.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 47.54 ล้านล้านหยวน