คำแนะนำ
หากราคาทองคำไม่สามารถยืน 1,254 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ให้แบ่งทองคำออกขายเพื่อทำกำไรบางส่วน แต่หากผ่านได้ให้ชะลอการขายออกไป และเมื่อราคาอ่อนตัวลงให้เข้าซื้อบริเวณแนวรับ 1,237 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ 1,237 1,228 1,216
แนวต้าน 1,254 1,263 1,274
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวานนี้ปิดทรงตัว โดยในระหว่างวันราคาทองคำปรับตัวลงจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์หลังนัก ลงทุนในตลาดปรับเพิ่มการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดจะปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค. หลังจากดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล(PCE) ซึ่งเป็นตัวเลขบ่งชี้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นใกล้เป้าหมายของเฟด อีกทั้งถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายก็เป็นไปในเชิงสนับสนุนการปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตามราคาทองคำฟื้นตัวและลดช่วงติดลบในเวลาต่อมา โดยราคาทองคำยังคงได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลของนักลงทุนต่อสถานการณ์ความไม่แน่นอนด้านของนโยบาย กระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับนโยบายต่างๆในการแถลงต่อสภา คองเกรสวานนี้เท่าที่ควร นอกจากนี้การเลือกตั้งในยุโรปเป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นแรงซื้อทองคำอีกด้วย ด้านกองทุน SPDR วานนี้ถือครองทองคำเพิ่ม 2.37 ตัน ขณะที่วันนี้ติดตามการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของ สหรัฐเพื่อเป็นปัจจัยชี้นำทิศทางราคาทองคำในระยะสั้น
ปัจจัยทางเทคนิค
หลังจากราคาทองคำดีดตัวขึ้นใน ระยะสั้นในช่วงที่ก่อนหน้านี้และมีแรงขายทำกำไรสลับออกมา เบื้องต้นหากราคาทองคำไม่สามารถยืน 1,254 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ทำให้นักลงทุนต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรที่อาจเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจกดดันราคาทองคำให้ลงสู่แนวรับในระดับ 1,237 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้
กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT & GOLD FUTURES
เน้นการเข้าซื้อขายทำกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัวออกด้านข้าง โดยเข้าซื้อเฉพาะเมื่อตลาดปรับตัวลงมาในบริเวณแนวรับ 1,237-1,228 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่การเปิดสถานะขายอาจพิจารณาในโซน 1,254-1,263 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากลงทุนผิดทางเมื่อราคาทะลุกรอบด้านใดด้านหนึ่ง)
ข่าวเด่น