คำแนะนำ
เน้นเก็งกำไรฝั่งซื้อโดยมีแนวรับบริเวณ 1,247-1,239 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหากราคาขยับขึ้นควรแบ่งขายทำกำไรบ้างส่วนหากราคาทองคำไม่ผ่านโซน 1,263 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าผ่านได้สามารถถือต่อ
แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ 1,247 1,239 1,230
แนวต้าน 1,263 1,272 1,280
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 2.27 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์หลังการเปิดเผย ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐที่ออกมาสดใสเกินคาดหลายรายการ อาทิ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐจากConference Board ที่เพิ่มขึ้นเกินคาด สู่ระดับ 125.6 ในเดือนมี.ค.ซึ่งถือเป็นรระดับสูงสุดในรอบกว่า 16 ปี ด้านดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศจากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 31 เดือนในเดือนม.ค. นอกจากนี้ยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐยังลดลง 5.9%ในเดือนก.พ. สู่ระดับ 6.48 หมื่นล้านดอลลาร์อีกด้วย ปัจจัยดังกล่าวหนุนให้ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวขึ้น 0.5% ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันให้ ราคาทองคำปรับตัวลดลง ด้านกองทุน SPDR ลดการถือครองทองคำลง 1.78 ตัน ขณะที่วันนี้ติดตามผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ของไทยคาดคง ดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม และคืนนี้ติดตามการเปิดเผยยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนก.พ.ของ สหรัฐและสุนทรพจน์ประธานเฟดชิคาโก
ปัจจัยทางเทคนิค
ระหว่างวันหากราคาทองคำไม่หลุด 1,247 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จะมีโอกาสดีดตัวขึ้นต่อ โดยหากยืนเหนือระดับสูงสุดของปีนี้บริเวณ 1,263 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ การขยับขึ้นจะมีแนวต้านถัดไปที่ 1,272 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากหลุดแนวรับแรก กรอบด้านล่างจะอยู่ที่ 1,239 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT & GOLD FUTURES
เน้นการเปิดสถานะซื้อ โดยอาจใช้บริเวณ 1,247 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากหลุดให้ชะลอการเข้าซื้อไปยังโซนแนวรับถัดไป ขณะที่หากราคาดีดตัวขึ้นแนะนำทยอยแบ่งปิดสถานะทำกำไรโซน 1,263-1,272 ดอลลาร์ต่อออนซ์เพื่อรอเข้าซื้อใหม่เมื่อราคาอ่อนตัว
ข่าวเด่น