พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงเมื่อวันที่ 6 เมษายน ที่ผ่านมา ว่ารัฐบาลอยากให้สังคมเข้าใจเจตนาที่แท้จริงของรัฐบาลกรณีบังคับใช้กฎหมายห้ามนั่งแคปและท้ายรถกระบะ รวมถึงให้คาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง มีผลตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2560 โดยผู้ฝ่าฝืนมีโทษปรับตั้งแต่ 500-5,000 บาท ว่ารัฐบาลต้องการลดอุบัติเหตุป้องกันการสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนด้วยความจริงใจ ไม่มีสิ่งใดซ่อนเร้น หรือต้องการทำให้ประชาชนลำบาก แต่เมื่อคนส่วนใหญ่ยังไม่พร้อม รัฐบาลก็รับฟังพร้อมผ่อนผันชะลอการบังคับใช้กฎหมายออกไปอีกระยะหนึ่ง เพื่อประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจและให้เวลาประชาชนปรับตัว
อย่างไรก็ตาม แม้ช่วงเวลานี้จะเป็นการผ่อนผันเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเข้าใจในข้อกฎหมาย โดยจะยังไม่มีการจับปรับกรณีที่มีผู้โดยสารนั่งท้ายกระบะหรือในแคปของรถ แต่จะอนุญาตให้นั่งในแคปและท้ายกระบะได้ไม่เกิน 6 คนเท่านั้น แต่ห้ามนั่งบนขอบกระบะหรือฝาปิดท้ายรถเด็ดขาด
แต่สำหรับการคาดเข็มขัดนิรภัยในรถยนต์นั่งส่วนบุคคล เจ้าหน้าที่ยังคงบังคับใช้กฎหมายด้วยการจับปรับผู้โดยสารเบาะคู่หน้าต่อไป ขณะที่ผู้โดยสารด้านหลังหากพบว่าไม่คาดเข็มขัดนิรภัย เจ้าหน้าที่จะตักเตือนก่อน ส่วนรถโดยสารสาธารณะ เช่น รถแท็กซี่ รถตู้และรถโดยสารประจำทาง ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยทุกที่นั่ง หากฝ่าฝืนจะถูกจับปรับ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดแก่ผู้โดยสารที่ต้องฝากชีวิตไว้กับผู้ขับขี่รถสาธารณะ
พล.ท.สรรเสริญกล่าวต่อไป สำหรับผู้ขับขี่ดื่มสุราและใช้ความเร็วเกินกำหนด ขับรถหวาดเสียว หรือแซงในที่คับขันเสี่ยงต่อการเกิดอันตราย เจ้าหน้าที่จะยังคงเข้มงวดกวดขันต่อไปและดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดเพื่อลดอุบัติเหตุ
"เรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานอย่างตรงไปตรงมา ไม่เรียกรับผลประโยชน์ใดๆ จากประชาชน หากผู้ใดพบเห็นเจ้าหน้าที่ออกนอกลู่นอกทาง ขอให้ถ่ายคลิปและแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบทันที" พล.ท.สรรเสริญกล่าว
ข่าวเด่น