ตลาดหุ้นไทยวานนี้
  SET INDEX วันศุกร์ถือว่าแข็งแกร่ง แม้ว่าจะเกิดการยิงจรวจ Missle ของสหรัฐฯ เข้าตอบโต้ซีเรียก็ตาม แต่ราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้น ทำให้กลุ่มพลังงาน/ปิโตรเคมีช่วยพยุงภาพรวม โดย SET INDEX แกว่งแคบ 1,580 จุด +/- ปิดที่ 1,583.53 จุด บวก 1.41 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 38,162 ล้านบาท
  ทั้งนี้ต่างชาติซื้อสุทธิตลาดหุ้นไทยเป็นวันที่ 4 อีก 475 ล้านบาท Long สุทธิใน SET50 Index Futures เป็นวันที่ 6 อีก 3,831 สัญญา แต่ขายสุทธิตลาดตราสารหนี้เพียง 1,300 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญวันนี้
ช่วงคาบเกี่ยววันหยุดยาวของตลาดหุ้นไทย
การเข้าซื้อขายหุ้น WHAUP วันแรก ราคา IPO เท่ากับ 26.25 บาท
  14ความตึงเครียดทางการเมืองในหลายประเทศ ล่าสุดการลอบวางระเบิดที่อียิปต์
  ติดตามถ้อยแถลงของประธานเฟดในคืนนี้ โดยเฉพาะประเด็นการลดขนาดงบดุลของเฟดที่อาจมีขึ้นในปลายปีนี้

มุมมองต่อตลาดวันนี้: กลาง (วันที่ 5)
  เราประเมินภาวะการลงทุนใน วันนี้เป็นไปอย่างเงียบเหงา เพราะเป็นช่วงคาบเกี่ยววันหยุดยาวของตลาดหุ้นไทย แม้ว่าจะมีหุ้น IPO อย่าง WHAUP มาช่วยสร้างสีสรรให้กับการลงทุนอยู่บ้าง แต่เชื่อว่ามูลค่าการซื้อขายจะยังต่ำกว่า 4.0 หมื่นล้านบาท/วันในช่วง 2 วันทำการนี้
อย่างไรก็ตาม SET INDEX ยังคงแกว่งในกรอบจำกัด 1,575-1,585 จุดต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะมีกลุ่มพลังงาน/ปิโตรเคมี ช่วยประคองภาพ SET INDEX ซึ่งได้อานิสงค์จากความวุ่นวายในซีเรีย
   ประเด็นที่น่าจับตามองในระยะกลางถึงยาวคือ เฟดส่งสัญญาณพร้อมที่จะปรับลดการ Reinvestment ของพันธบัตรที่เฟดถือจากโครงการ QE วงเงินกว่า US$4 ล้านล้าน ภายในปลายปีนี้ ซึ่งจะทำให้สภาพคล่องทางการเงินส่วนเกินออกจากระบบ ทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะกลับมาแข็งค่าเร็วขึ้นในช่วง 2H60 เป็นต้นไป บวกกับความไม่แน่นอนทางการเมืองในยุโรป อาจส่งผลต่อการเคลื่อนย้ายเงินทุนในระยะกลางถึงยาว
  กลยุทธ์การลงทุน “เรายังแนะนำให้นักลงทุนรอสะสมหุ้นเป้าหมายหลักบริเวณ 1,570 จุด +/-“ โดยมุ่งเน้นผลการดำเนินงาน 1Q60 เป็นสำคัญ

Daily Pick
1. เก็งกำไร TMB : ราคาปิด 2.40 บาท ราคาเหมาะสม 2.50 บาท
   a) MBKET คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร และคาดว่าจะ Outperform ตลาดในเดือน เม.ย. จากแรงเก็งกำไรงบ 1Q60 เนื่องจากเป็นหุ้นกลุ่มแรกที่จะรายงานผลประกอบการ นอกจากนั้น ยังได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังธปท.ปรับเพิ่ม GDP ปี 2560 ขึ้นเป็น +3.4% จากเดิมที่ +3.2%
  b) สินเชื่อ 2M60 ขยายตัวโดดเด่น +1.4% YTD เทียบกับกลุ่มธนาคารที่ -0.3% YTD และธนาคารใหญ่ เช่น BBL -1.6%, KTB +0.2%, KBANK +0.9%, SCB +0.1%
  c) ดังนั้น คาดว่ากำไรสุทธิ 1Q60 ของ TMB จะขยายตัว yoy และมีโอกาสที่จะออกมาโดดเด่นเมื่อเทียบกับหุ้นอื่นๆในกลุ่มธนาคาร
   d) คาดกำไรสุทธิปี 2560 เติบโต +27% yoy เป็น 10,447 ล้านบาท และ Valuation น่าสนใจที่ระดับ PER2560 เพียง 8.0 เท่า เทียบกับหุ้นกลุ่มธนาคารที่ 9.4 เท่า