คำแนะนำ
   หากรับความเสี่ยงได้อาจรอเปิดสถานะซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลงมาใกล้  1,243-1,232 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (เน้นทำกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัว)  พิจารณาถึงความเสี่ยงจากผลการประชุมเฟด
แนวรับ-แนวต้าน
  แนวรับ  1,243  1,232  1,223
  แนวต้าน  1,268  1,279  1,288
ปัจจัยพื้นฐาน
  ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง   11.35  ดอลลาร์ต่อออนซ์   โดยราคาทองคำได้รับแรงกดดันหลังพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันของสหรัฐ สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ในเรื่องการจัดสรรงบใช้จ่ายสำหรับหน่วยงานของ รัฐบาลกลางสหรัฐจนถึงวันที่ 30 ก.ย. ซึ่งช่วยให้หน่วยงานราชการของสหรัฐไม่ ต้องปิดทำการ(Shut  down) ประเด็นดังกล่าวกดดันทองคำที่อยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย   นอกจากนี้ราคาทองคำยังได้รับแรงกดดันเพิ่มจากการแข็งค่าของดอลลาร์ถึงแม้ตัว เลขเศรษฐกิจสหรัฐหลายรายการที่ถูกเปิดเผยวานนี้จะอ่อนแอกว่าคาดก็ตาม  อาทิ   ดัชนี Core  PCEลดลง 0.1%ในเดือนมี.ค.ซึ่งลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2001 และ ต่ำกว่าเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อของเฟดที่ระดับ 2%  ด้าน  ISM เปิดเผยดัชนีกิจกรรมการผลิตลดลงสู่ระดับ 54.8 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็น ระดับอ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. เช่นกัน   ทั้งนี้นักลงทุนมองว่าตัวเลขเศรษฐกิจที่อ่อนแอไม่ได้ส่งผลต่อแผนการในการ ปรับขึ้นในเดือนมิ.ย.ของเฟดแต่อย่างใด   ขณะที่วันนี้ไม่มีการเปิดเผยตัวเศรษฐกิจของสหรัฐ
ปัจจัยทางเทคนิค
  หลังจากราคาทองคำปรับตัวขึ้นแต่ ก็มีแรงขายทำกำไรสลับออกมาเพิ่มขึ้นเช่นกัน เบื้องต้น  หากราคาทองคำไม่สามารถยืน 1,268 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้  โดยนักลงทุนต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรออกมาที่อาจเพิ่มขึ้นซึ่งอาจกดดัน ราคาทองคำให้ลงสู่แนวรับในระดับ 1,243-1,232 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้
กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT & GOLD FUTURES  
   ถือสถานะซื้อโดยอาจปิดสถานะทำกำไรในบริเวณ 1,268 ดอลลาร์ต่อออนซ์  หรือถ้าเกิดการอ่อนตัวลงมาอาจเปิดสถานะซื้อเพิ่มเติมหากราคาทองคำไม่หลุด  1,243-1,232 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตาม(ลดพอร์ตการลงทุนหากราคาหลุด  1,232 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
 
ข่าวเด่น