Market View : ผันผวนในกรอบ
Stock of the town : HTECH TAPAC
หุ้นแนะนำพิเศษ : IRPC
หุ้นมีข่าว : PTTEP MGT KBANK
ตลาดหุ้นไทยวานนี้แกว่งตัวในกรอบแคบๆตลอดวัน เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน ประกอบกับความกังวล Fund Flow ต่างชาติที่ยังคงผันผวนต่อเนื่องกดดันต่อความมั่นใจ ส่งผลให้ SET ปิดลบเล็กน้อยที่ 1,568.02 จุด (-1.00 จุด) ด้วย Volume 3.5 หมื่นลบ.โดย Foreign Net +593 ลบ. TFEX Net +5,427 สัญญา และตราสารหนี้ไทย Net +5,176 ลบ.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
+/- ตลาดหุ้น DJ ทรงตัว หลังประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์กล่าวว่าเฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเฟดได้บรรลุเป้าหมายด้านการจ้างงานเต็มศักยภาพ และอัตราเงินเฟ้อกำลังปรับตัวใกล้เป้าหมาย 2%
+ ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นล่าสุด 46.6 US/Barrel ตอบรับข่าวโอเปกกำลังพิจารณาขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตออกไปอีก 9 เดือน หรือมากกว่า จากกำหนดเดิมที่จะสิ้นสุดในเดือนมิ.ย.
+ คมนาคมเสนอครม.วันนี้อนุมัติโครงการรถไฟฟ้าชมพู-เหลือง 1แสนลบ.
+/- IMF คาดเศรษฐกิจเอเชียปีนี้ ขยายตัว 5.5% (+0.2%YoY) ขณะคาดศก.ไทยจะลดลง 0.2% สู่ระดับ 3.0% ในปีนี้
+ดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนในยูโรโซนเดือนพ.ค. พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 10 ปี โดยดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 27.4
+/- Fund Flow ต่างชาติผันผวน โดยพลิกเป็น Net Buy ราว 6 ร้อยลบ. แต่ตั้งแต่ต้นเดือนพ.ค.ยังคงเป็น Net Sell 2.5 พันลบ. และเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อยล่าสุด 34.6 Bath/USD.
** วันประกาศงบ 11 พ.ค. PTTGC / 12 พ.ค.RATCH / 15 พ.ค. TRUE PTT TOP CK
** ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ปิดทำการวันนี้ (9 พ.ค.) เนื่องในวันเลือกตั้งประธานาธิบดี
ตลาด หุ้นไทยขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน นอกจากนี้กระแส Fund Flow ที่ยังคงผันผวนทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจในทิศทางดัชนี อย่างไรก็ตามคาดว่าจะมีแรงซื้อดักงบ Q1/60 ที่กำลังทยอยประกาศช่วยพยุงดัชนีได้ ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบ 1,560 – 1,575 จุด
กลยุทธ์การลงทุน Selective Buy กลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน
- กลุ่มสายการบิน กพท.มั่นใจปลดธงแดง ICAO มิ.ย.ตามกำหนด หลังแก้ปัญหาความปลอดภัยคืบหน้า
- หุ้นที่คาดว่ากำไร Q1/17 เติบโต PTTGC TOP BANPU TPCH WORK WICE JWD LIT
หุ้นแนะนำพิเศษ
- IRPC (ราคาปิด 5.60 ซื้อ ราคาเหมาะสม 5.85)
- รายงานกำไร 1Q60 อยู่ที่ 2,365 ล้านบาท -22%YoY เติบโต 40%QoQ แม้จะมีการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่น 34 วัน แต่ผลประกอบการได้รับแรงหนุนจากกำไรสต๊อกน้ำมันดิบ กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน และการกลับรายการด้อยค่ารวม 2 พันล้านบาท
- ธุรกิจโรงกลั่นใช้กำลังการกลั่นเหลือ 53% จาก 87% ในไตรมาสก่อนเนื่องจากมีการหยุดซ่อมบำรุงใหญ่โรงกลั่นเป็นเวลา 34 วัน ขณะที่ค่าการกลั่นปรับตัวลง 0.6$/bbl สู่ 4.8 $/bbl ตามส่วนต่างน้ำมันเตาและน้ำมันดีเซลปรับตัวลง 82% และ 2% ตามลำดับ อย่างไรก็ตามมีกำไรจากสต๊อกน้ำมันดิบราว 1.3 พันล้านบาทจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น
- ธุรกิจปิโตรเคมีใช้กำลังการกลั่นลดลง 30% สู่ 54% เพราะวัตถุดิบลดลงจากการหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่น ขณะที่ค่าการกลั่นปรับตัวดีขึ้น 3.5 $/bbl สู่ 9.7 $/bbl ตามส่วนต่างผลิตภัณฑ์ PP HDPE และกลุ่ม Styrenicsที่ปรับตัวดีขึ้น
- ความเห็น ฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรปกติได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยต่อจากนี้คาดว่าโรงกลั่นใช้กำลังการผลิตราว 90-95% สู่ระดับ 200 KBD ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่หนุนกำไรปกติ นอกจากนี้ 3Q60 คาดว่าโรงงาน Propylene 2 กำลังการผลิต 3.2 แสนตันต่อปีจะเริ่ม COD ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนต่อผลประกอบการปี 60 เพิ่มเติม
หุ้นมีข่าว
- PTTEP (ราคาปิด 94.50 บาท ถือ ราคาเหมาะสม 97 บาท) ยันน้ำมันรั่วแหล่งมอนทารา ไม่มีผลกระทบต่อระบบนิเวศ-สิ่งแวดล้อม กรณีอินโดนีเซียฟ้องแย้มยังไม่ได้รับเอกสาร ฟากโบรกฯชี้ PTTEP จะยังไม่มีการตั้งสำรองฯ จนกว่ามีคำสั่งชัดเจนจากศาลอินโดนีเซีย (ข่าวหุ้น)
- MGT (ราคาปิด 2.40 บาท ราคาเหมาะสม 2.70 บาท) ส่องแนวโน้มผลงานปี 2560 ฟื้นตัวเด่น หลังกดต้นทุนลดฮวบ พร้อมวางเป้ารายได้โต 20% จากปีก่อนที่ 560 ล้านบาท พร้อมทุ่มงบ 30 ล้านบาท ผุดห้องแล็บทดสอบสินค้า คาดดีเดย์ไม่เกิน เดือนพฤษภาคมนี้ เล็งเจาะอุตสาหกรรมสี-เครื่องสำอาง-อาหาร ชี้อัตราการเติบโตสูง (ที่มาทันหุ้น)
- ประเด็นบวก KBANK (ราคาปิด 192.5 บาท ซื้อ ราคาเหมาะสม 215 บาท) รีแบรนดิ้งแอพพลิเคชั่น "K-Mobile Banking PLUS" เป็น K PLUS ยกระดับบริการโมบายแบงกิ้ง พร้อมเปิดตัว "K PLUS SME" หวังตอบโจทย์ลูกค้าเอสเอ็มอี ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการทำธุรกรรม ด้านสินเชื่อเอสเอ็มอีปี 2560 ยังคงเป้าเติบโต 4-6% ต้องยังระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อจากปัจจัยเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ
- SYNEX (ราคาปิด 10.80 บาท Bloomberg Consensus 15.50 บาท) รายงานกำไร 1Q60 ที่ 148 ล้านบาท +50%YoY และ+22%QoQ เนื่องจากยอดขายเติบโต 55%YoY เนื่องจากได้พันธมิตรสินค้าใหม่ทั้งแอปเปิล TP-link และการจำหน่ายกล้องวงจรปิดภายใต้แบรนด์บริษัท
- IVL (ราคาปิด 36 บาท Bloomberg Consensus 39.93 บาท) ประกาศกำไรไตรมาส 1/2560 เติบโต 8% สู่ระดับ 4,426 ล้านบาท รับแรงหนุนจากปริมาณการผลิต HVA เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการรับรู้กำไรจากการเข้าซื้อกิจการในช่วงที่ผ่านมา พร้อมตั้งงบลงทุน 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ต่อยอดความแข็งแกร่งธุรกิจ (ที่มาทันหุ้น)
- ITD (ราคาปิด 4.40 บาท Bloomberg Consensus 5.37บาท) เสนอราคาต่ำสุด จ่อซิวงานระบบขนส่งผู้โดยสาร (APM) สุวรรณภูมิ วงเงิน 2.89 พันล้านบาท โดย AOT นัด ต่อรองราคา 11 พ.ค.นี้ หากได้ข้อยุติพร้อมชงบอร์ด 24 พ.ค. และเซ็นสัญญาต้นเดือน มิ.ย. 60
- "ทีโอเอ เพ้นท์"ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 507.60 ล้านหุ้น เข้า SET ใช้ขยายธุรกิจทั้งใน-ตปท.
- RICH ซื้อขายวันสุดท้าย 9 พ.ค. ก่อนแขวน SP ตั้งแต่ 11 พ.ค. เป็นต้นไปจนกว่าบริษัทจะสามารถดำเนินการปรับปรุงแก้ไขฐานะการเงินและการ ดำเนินงานให้เป็นไปตามข้อกำหนดของตลท.
- SCN รายงานกำไรไตรมาส 1/60 ที่ 47 ล้านบาท-42%YoY และ -42%QoQ
สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ
ตลาดหุ้นดาวโจนส์ : +5.34 จุด
ดัชนีเฉลี่ย อุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,012.28 จุด เพิ่มขึ้น 5.34 จุด หรือ +0.03% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,102.66 จุด เพิ่มขึ้น 1.90 จุด หรือ +0.03% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,399.38 จุด เพิ่มขึ้น 0.09 จุด หรือ +0.00% เนื่องจากนักลงทุนได้ซึมซับข่าวนายเอมมานูเอล มาครอง คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส โดยผลการเลือกตั้งดังกล่าวเป็นไปตามที่ตลาดและโพลล์สำรวจส่วนใหญ่คาดการณ์ ไว้ ขณะที่ภาวะการซื้อขายได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาคลีฟแลนด์ ได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งความเคลื่อนไหวล่าสุดของนางเมสเตอร์ได้เพิ่มน้ำหนักให้กับกระแสคาดการณ์ ที่ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า
ตลาดน้ำมัน NYMEX : +0.21 USD/Barrel
สัญญา น้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 21 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 46.43 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) กำลังพิจารณาที่จะขยายเวลาปรับลดกำลังการผลิตออกไปอีก 9 เดือน หรือมากกว่า จาก
กำหนดเดิมที่จะสิ้นสุดในเดือนมิ.ย.
Analyst Meeting
TCAP (ราคาเหมาะสม IAA Consensus 50.50 บาท)
- 1Q60 มีกำไร 1,602 ลบ. +19%YoY -5%QoQ เนื่องจากคุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้นต่อเนื่องทุกไตรมาส NPL –24%YoY -5%QoQ และ %NPL ลดเหลือ 2.21% จาก 2.7% ณ 1Q59 ทำให้ credit cost for special provision ของ TBANK ลดลงเหลือ 0.52% จาก 0.76% ใน 4Q59 และ 0.95% ใน 1Q59 ส่งผลให้สำรองหนี้สูญลดลง 50%yoy และ 34%QoQ โดยมี Coverage Ratio ของกลุ่มในระดับสูงที่ 157%
- ผู้บริหารตั้งเป้าสินเชื่อปี 60 เติบโต 3-5% แม้ปลาย 1Q60 สินเชื่อ -1.28%YTD แต่ผู้บริหารมองว่าจากนี้ไปสินเชื่อมีโอกาสเติบโต โดยเฉพาะในส่วนของสินเชื่อเช่าซื้อที่มีปัจจัยหนุนจากเศรษกิจโดยรวมฟื้นตัว งาน Motor Expo และค่ายรถยนต์ออกรถรุ่นใหม่ในช่วงปลายปี
- TCAP มีแผนปรับโครงสร้างองค์กรในการปรับตัวเพื่อรองรับธุรกิจดิจิตอล ในการปรับปรุงสาขา พัฒนาบุคลากรรองรับ ทำให้คาดว่าจะมีคชจ.ในการปรับโครงสร้างองค์กรราว 1,000 ลบ. ซึ่งส่งผลให้ Cost to Income ratio เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ระดับ 50% เป็น 52-53% เป็นการชั่วคราวในปีนี้ แต่ไม่กระทบกับกำไรปี 60 โดยจะส่งผลให้กำไรปี 61 เติบโตสูงในรูปแบบ S curve
- ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PBV 0.98 เท่า ขณะที่ IAA consensus คาด EPS growth ปี 60 12% Yield 4.4% และ PBV 0.9 เท่า โดยมีราคาเหมาะสมเฉลี่ย 50.50 บาท
ข่าวเด่น