คำแนะนำ
มี แนวโน้มที่จะทดสอบแนวต้าน 1,265 ดอลลาร์ต่อออนซ์อีกครั้ง หากไม่สามารถผ่านได้ให้แบ่งขายทำกำไร แต่ถ้าผ่านได้ให้รอขายบริเวณ 1,278 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขึ้นไป อย่างไรก็ตามหากไม่ผ่าน ประเมินแนวรับที่ 1,245-1,236 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ 1,245 1,236 1,226
แนวต้าน 1,265 1,278 1,287
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 13.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำได้รับแรงจากดอลลาร์ที่กลับมาแข็งค่าหลังจากการเปิดเผยตัวเลข เศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่งเกินคาด อาทิ จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 4,000 รายในสัปดาห์ที่แล้วสู่ระดับ 232,000 รายซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 28 ปี และเฟดฟิลาเดลเฟียเผยดัชนีการผลิตเพิ่มขึ้นเกินคาดสู่ระดับ 38.8 ในเดือนพ .ค.เช่นกัน ปัจจัยดังกล่าวหนุนให้ดัชนีดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้นหลังจากดิ่งลงแตะจุดต่ำ สุดรอบ 6 เดือนในวันพุธและเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำ นอกจากนี้ราคาทองคำได้รับแรงกดดันเพิ่มจากตลาดหุ้นสหรัฐที่กลับมาปิดบวกหลัง จากร่วงลงหนักที่สุดในรอบกว่า 8 เดือนโดยได้แรงหนุนจากมาตรการที่จะผ่อนคลาย กฏระเบียบด้านอินเทอร์เน็ตและจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งส่งผลให้เกิดแรง เทขายทำกำไรทองคำที่อยู่ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยหลังจากเพิ่งปรับขึ้น 5 วัน ติดต่อกัน ด้านกองทุน SPDR ลดการถือครองทองคำลง 1.18 ตัน ขณะที่วันนี้ไม่มีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ
ปัจจัยทางเทคนิค
หากราคาทองคำยืนเหนือ 1,245 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นไปในบริเวณ 1,265-1,278 ดอลลาร์ต่อออนซ์(แนว 1,265 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นแนวต้านระยะสั้น) อย่างไรก็ตามหากไม่สามารถยืนเหนือได้ แนวรับจะอยู่ที่ 1,245-1,236 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT & GOLD FUTURES
เน้นเก็งกำไรตามกรอบ โดยอาจพิจารณาบริเวณ 1,245 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นหลัก หากยืนได้อาจเสี่ยงซื้อเพิ่ม โดยมีเป้าหมายในการทำกำไรที่ 1,265-1,278 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากไม่สามารถทะลุ 1,265 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปได้อาจรอเปิดสถานะซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลงมาใกล้บริเวณ 1,245-1,236 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ข่าวเด่น