- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงเกือบร้อยละ 1 หลังมีสัญญาณว่าลิเบียเริ่มกลับมาเพิ่มกำลังการการผลิต โดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ รายงาน คาดว่าปริมาณกำลังการผลิตของลิเบียปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 800,000 บาร์เรล จาก 784,000 บาร์เรล เนื่องจากสามารถแก้ไขปัญหาขัดข้องทางเทคนิคได้แล้ว
- นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงกดดันจากการผลิตน้ำมันดิบจากชั้นหินดินดาน (Shale oil) ของสหรัฐฯ ที่จะเพิ่มขึ้น หลังสหรัฐฯ เพิ่มจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี ซึ่งส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น โดย Baker Hughes รายงานถึงแท่นขุดเจาะในสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 722 แท่น
+ อย่างไรก็ตาม สมาชิกกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ (OPEC) และนอกกลุ่มโอเปก นำโดยซาอุดิอาระเบียและรัสเชีย ออกมาทำข้อตกลงที่จะลดระดับกำลังการผลิตจนถึง เดือนมีนาคม 2561 เป็นระยะเวลา 9 เดือน
+ นอกจากนี้ สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวลดลง เนื่องจากโรงกลั่นในสหรัฐฯ คงกำลังการกลั่นในอัตราที่สูงต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูกาลขับขี่
ราคา น้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนของอุปสงค์เพิ่มเติมจากประเทศอินโดนีเซีย อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันเบนซินยังได้รับแรงกดดันจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้นของประเทศจีน โดยปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.9 ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา
ราคาน้ำมัน ดีเซล ปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบเล็กน้อย จากแรงกดดันของอุปสงค์ที่ปรับตัวลดลงร้อยละ 0.4 ของประเทศจีนในเดือนเมษายน อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดีเซลยังได้รับแรงหนุนจากการส่งออกที่ปรับตัวลดลงร้อยละ 9.3 ของประเทศเกาหลีใต้
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 48-53 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 50-55 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากโรงกลั่นในสหรัฐฯ คงกำลังการกลั่นในอัตราที่สูงต่อเนื่องที่ระดับสูงกว่าร้อยละ 93 เพื่อรองรับความต้องการน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูกาลขับขี่ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 19 พ.ค. 2560 ปรับลดลง 4.4 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 516.3 ล้านบาร์เรล ซึ่งนับเป็นการปรับลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกัน
ปริมาณผลิตน้ำมัน ดิบของสหรัฐฯ มีทิศทางปรับตัวสูงขึ้น หลังราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาสูงกว่าระดับ 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล ส่งผลให้ผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ เพิ่มจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบขึ้นมาอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี นับจากเดือน เม.ย. 58 และส่งผลทำให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ปรับเพิ่มกว่าร้อยละ 10 จากช่วงกลางปีก่อนหน้าขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 9.32 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดย Baker Hughes รายงานปริมาณแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบของสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 26 พ.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 2 แท่นมาอยู่ที่ 722 แท่น
ภาวะอุปทานโลกล้น ตลาดมีแนวโน้มคลี่คลายลง หลังในการประชุมวันที่ 25 พ.ค. ผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกบรรลุข้อตกลงในการขยายระยะเวลาการปรับลดกำลัง การผลิตออกไปอีก 9 เดือนนับจากกำหนดการเดิมที่สิ้นสุด มิ.ย. 60 และคงปริมาณการปรับลดที่ราว 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม อิหร่าน ลิเบีย และ ไนจีเรียยังคงได้รับการยกเว้นการปรับลดกำลังการผลิต เนื่องจากประเทศเหล่านี้ได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรและเหตุการณ์ความ ไม่สงบภายในประเทศ
ข่าวเด่น