ทิศทางราคาทองคำ

ทองคำปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 7 เดือน บริเวณ 1,295.97 เหรียญ ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 9 พ.ย. ท่ามกลางการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ ที่กลับลงมาทำจุดต่ำสุดในรอบ 7 เดือน โดยดัชนีดอลลาร์ร่วงลงมาแถว 96.624 จุด ขณะที่กองทุนทองคำ SPDR เมื่อวานนี้เข้าซื้อเพิ่ม 4.16 ตัน ปัจจุบันเพิ่มการถือครองมาอยู่ที่ระดับ 855.16 ตัน โดยตลาดทองคำได้รับอานิสงค์จากความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ประกอบกับการประชุมอีซีบีและการเลือกตั้งทั่วไปของอังกฤษที่ต่างก็มีกำหนด การในวันพรุ่งนี้ ขณะเดียวกัน นายเจมส์ โคมีย์ อดีตผู้อำนวยการ FBI ก็ มีกำหนดการจะกล่าวถ้อยแถลงต่อวุฒิสภาสหรัฐฯ ในวันพรุ่งนี้เช่นกัน สรุปได้ว่าภาวะการปรับตัวขึ้นของทองคำมาจากปัญหาความตึงเครียดทางการเมือง ของอังกฤษ, สหรัฐฯ ประกอบกับความตึงเครียดในภูมิภาคต่างๆของโลกที่เริ่มกลับมาเป็นประเด็นต่อ ตลาด จึงทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่กลับมาถือครองทองคำมากขึ้น และขายสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้น อย่างเช่นในตลาดดาวโจนส์

วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค 

ราคา ทองคำปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 7 เดือน โดยสามารถยืนเหนือ 1,293 เหรียญได้เมื่อวานนี้ และโดยภาพรวมสัญญาทองคำส่งมอบเดือน ส.ค. ของตลาด COMEX ปิดปรับตัวขึ้น 14 เหรียญ ที่ระดับ 1,297.5 เหรียญ สำหรับภาพทางเทคนิคของทองคำยังเป็นผลบวกที่ดี ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยที่ราคาทองคำจะมีเป้าหมายถัดไปที่ระดับ 1,300 เหรียญซึ่งถือเป็นระดับแนวต้านสำคัญ ขณะที่แนวรับของทองคำจะอยู่บริเวณ 1,280 เหรียญ สำหรับ Indicators ต่างๆ สนับสนุนการปรับขึ้นของราคาทองคำอย่างแข็งแกร่ง โดยที่ราคาทองคำไทย จะมีแนวรับสำคัญที่ระดับ 20,500 บาท/บาททองคำ และแนวต้าน 20,800 บาท/บาททองคำ ซึ่งทองคำไทยน่าจะปรับตัวขึ้นได้ต่อเนื่อง 150 บาท/บาททองคำ

กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ 

เก็งกำไรทิศทางขาขึ้นในกรอบ 1,280 – 1,300 เหรียญ

- นักลงทุนที่ถือ Long Position  

ลงซื้อขึ้นขาย เก็งกำไรในกรอบ

- นักลงทุนที่ถือ Short Position

ปิดสถานะลดความเสี่ยง ไม่แนะนำให้ทำการ Short เพิ่ม

กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading
แนะนำให้หาจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว และปิดทำกำไรระดับแนวต้านซึ่งมีเหมายบริเวณ 1,300 เหรียญ โดยควรลงทุนด้วยความระมัดระวังและไม่ใช้ Leverage มากจนเกินไป