“Dividend Play”
CNS Daily Strategy : คาดตลาด Sideway Up ในกรอบแนวต้าน 1583/1589จุด และแนวรับ 1569/1564 จุด FED ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด และคาดโอกาสปรับลดงบดุลในช่วงถัดไป แต่ปรับมุมมองอัตราเงินเฟ้อลงคาดยังคงเป็นปัจจัยที่ช่วยกระตุ้นแรงเก็ง สินทรัพย์เสียงโดยเฉพาะตลาดเอเชียปรับขึ้นต่อ โดยวันนี้แนะนำธีม “Dividend Play” เลือก êDaily Top Pick: SNC, PM, BLANDê
Nomura : Key Factors
- (+) Int Factor: ความคืบหน้าโครงสร้างพื้นฐาน กระตุ้นความเชื่อมั่นต่อการลงทุน
- (*) FOMC Focus: FED ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด และมีแนวโน้มลดงบดุลในช่วงถัดไป
- (*) EU Econ: ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมยูโรโซน เดือน เม.ย. ที่ +0.5% ตามคาด
- (*) Fund Flow:วานนี้ต่างชาติขาย1212 ลบ,Long Future 5403 สัญญา,ซื้อ Bond 5752 ลบ
- (-) OIL: ราคาน้ำมันดิบวานนี้ WTI -3.72% สู่ $44.73/bbl / BRT -3.53% สู่ $47/bbl
- (-) OIL: สต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯรายสัปดาห์จาก EIA ลดลง -1.6 ล้านบาร์เรล ต่ำคาดที่ -2.3
- Nomura Daily Top Picks: SNC, PM, BLAND
Equity Daily Outlook : คาดดัชนีวันนี้ Sideway Up ในกรอบแนวต้าน 1583/1589จุด และแนวรับ 1569/1564จุด จากผลการประชุม FOMC วานนี้ พบว่า FED มีมติ 8:1 ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ 0.25% สู่กรอบ 1.0%-1.25% สอดคล้องกับ Nomura และ Consensus คาด โดยสำหรับ Dot Plot ซึ่งเป็นตัวสะท้อนความเห็นของคณะกรรมการ FED ในช่วงถัดไป พบว่า น้ำหนักของปีนี้ยังให้โอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง สู่ระดับ 1.25-1.5% และปรับคาดการณ์ GDP สหรัฐฯปีนี้ขึ้นสู่ 2.2% จากเดิม 2.1% และปรับอัตราการว่างงานลงสู่ 4.3% จาก 4.5% ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อมีการปรับลดสู่ 1.6% ในปีนี้ จากคาดเดิมในเดือน มีค.ที 1.9% ส่วนประเด็นสำคัญ เรื่องการปรับงบดุล ทางเยนเลนก็ได้มีการกล่าวถึงรายละเอียดในรอบนี้เช่นเดียวกัน โดยในเบื้องต้นคาดจะเริ่มปรับลดงบดุล โดยการ 1) จำกัดเพดานในการลดวงเงินการถือครองพั้นธบัตรรัฐบาลที่ 6 พันล้านดอลล่าร์/เดือน และจะขยายเพดานขึ้นในช่วงระเวลา 12 เดือน ในสัดส่วนการเพิ่มขึ้น 6 พันล้านดอลล่าร์ในทุกๆไตรมาส และ 2) จำกัดเพดานในการลดวงเงินสำหรับตราสารหนี้ของหน่วยงานรัฐ และหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ราว 4 พันล้านดอลล่าร์ และจะขยายเพดานขึ้นในช่วง 12 เดือนถัดไป อีก 4 พันล้านดอลล่าร์ ต่อไตรมาส ดังนั้นโดยรวมพบว่าท้ายที่สุด FED จะสามารถลดสินทรัพย์ทั้ง 3 รูปแบบได้ราว 5 หมื่นล้านดอลล่าร์ต่อเดือน จนกระทั่งสู่เป้าหมายงบดุลที่ราว 2.0-2.5 ล้านล้านดอลล่าร์ สัญญาณดังกล่าว สะท้อนว่า FED จะค่อยๆ ดำเนินการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินตึงตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป หลังทิศทางเงินเฟ้อมีแนวโน้มชะลอลงในครึ่งหลังของปีนี้ และการวางเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% เลื่อนไปเป็นปีหน้า ขณะที่การลดงบดุล จะไม่กระทบสภาพคล่องโลกในช่วงแรกมากนัก แต่จะมีผลเชิงจิตวิทยาในช่วงของการเริ่มทำครั้งแรก ซึ่ง Nomura คาดว่าจะเริ่มชัดเจนในการประชุมเดือน ธค 2017 ดังนั้น ระยะนี้ภาพของค่าเงินเอเซียน่าจะแข็งค่าหนุน Sentiment ตลาด
Asset allocation : หุ้น 70% ทองคำ 12.5% ตลาดบอนด์ 5% และเงินสด 12.5%
Daily Strategy : 6 Theme เด่น วันนี้ เน้น Dividend Play เป็นหลัก
1. Dividend Play: สะสมหุ้นปันผลเด่น แนะ PM (Dividend Yield 6.7%), SNC (6.3%), BLAND (4.2%) เด่น
2. Nomura ปรับคำแนะนำ THAI ขึ้นสู่ BUY จาก Neutral ประเมินราคาเป้าหมายที่ 23.72 จากความคาดหวังบวกต่อการปรับโครงสร้างภายใน +ค่าเงินบาทแข็งค่าบวกต่อภาระหนี้
3. Mid-Small Caps ระยะสั้นกลุ่มพลังงานทางเลือกน่าสนใจหลังการประมูลโรงไฟฟ้าสหกรณ์ใกล้เข้ามา เป็นลำดับ เน้น PSTC, GUNKUL เด่น ผสานกลุ่มที่แนวโน้มกำไรปี 2017 ขยายตัวเด่น โดย PM, BLAND, SNC, ROJNA, AMATA, BCH, K, ERW, MINT
4. Infrastructure Play ขานรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่ทยอยเร่งตัวขึ้น บวกต่อ รับเหมา, วัสดุก่อสร้าง, นิคมฯ, อสังหา (CK, STEC, UNIQ, SCC, SEAFCO, PYLON, AMATA, ROJNA, BLAND, ANAN, AP)
5. FTSE Rebalance มีผลวันที่ 19 มิย. นี้ มีรายละเอียดดังนี้ : FTSE SET Large Cap Index ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่มีการปรับเพิ่มน้ำหนักหุ้น IVL, TRUE, BANPU / FTSE SET Mid Cap Index มี นำเข้า 6 บริษัท (BPP, EA, KSL, TPIPP, VNT, WHAUP)
6. หุ้นที่คาดจะเข้าคำนวน SET50-100 รอบใหม่ : คาดเข้า SET50 ได้แก่ BJC, EA, BPP, MTLS, TISCO, JAS, SAWAD / คาดเข้า SET100 ได้แก่ BJC, EA, BPP, JAS, GL, BCPG, WORK, MEGA, GFPT, ANAN, PSL, MALEE, PTL, PACE
Investment Theme:
· 2017 Global Reflation : Theme CG-R2
Cyclical : IRPC, IVL, PTTGC, STPI
Government Spending : CK, SCC
Related Consumer Recovery : ROBINS, CPALL
Renewable : EGCO, BRR
· Mid-Small Best Pick 2017 : STPI, BRR, PSTC, NYT, PYLON
Fundamental & Tactical Daily Top Picks :
SNC (TP23.1*): Support 14.7/14.2 Resistance 15.7/16.2
- Theme : Dividend Play
- Earning Outlook : คาดกำไรได้ผ่านช่วงที่มีอุปสรรคที่สุดใน 1Q17 ไปแล้วจากทั้งภาพรวมอุตสาหกรรมอ่อนตัว (ฝนตกบ่อย) และผลกระทบชั่วคราวจากการย้ายงานมารวมศูนย์ที่โรงงานระยอง แต่คาดกำไรจะเริ่มทยอยฟื้นตัว y-y ได้อีกครั้งจากกลยุทธ์ด้าน cost saving อย่างเข้มข้น โดยประเมินกำไร 2Q17F จะกลับมาทรงตัว y-y และเพิ่มขึ้น 20% y-y ตั้งแต่งวด 3Q17F – 1Q18F โดยรวมเชื่อว่ากำไรช่วง 3 ปีนี้จะเริ่มทยอยเห็นการเติบโตได้อีกครั้ง เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี
- Valuation : ราคาที่เริ่มยืนได้อีกครั้ง หลังปรับฐานลงมาแรง เป็นจุดที่น่าสนใจอีกครั้ง โดยมี valuation ดึงดูดทั้งมิติ PER (9.8x), P/CFO (5.9x), Div yield 6.3%, ROE 17% + ฐานะการเงินแข็งแกร่ง
- Catalyst : ภาพของการดำเนินงานที่จะเริ่มฟื้นตัวอีกครั้ง ในรอบกว่า 5 ปี จากความพยายามลดผลขาดทุนจากการลงทุนใน 3 ปีที่ผ่านมา และกลับมาโฟกัสที่ธุรกิจหลักอีกครั้ง ซึ่งยังมีการเติบโตที่มั่นคง
PM (TP17.4*): Support 11.3/10.7 Resistance 12.5/13.2
- Theme : Dividend Play
- Earnings Outlook : แนวโน้มกำไรช่วง 3 ปีนี้จะเข้าสู่ช่วงเติบโตรอบใหญ่เฉลี่ย CAGR 22% ต่อปี จากกลยุทธ์ที่เป็นเชิงรุกมากขึ้น เริ่มนำ Taro บุกตลาดต่างประเทศ รวมถึง ตัดธุรกิจที่ขาดทุนทิ้ง กลับมาเน้นธุรกิจหลัก โดยคาดกำไรปีนี้จะเพิ่มขึ้น 55%
- Valuation : ภาพของบริษัทจะเปลี่ยนจาก Div play เป็น Growth stock + high div โดย Div yield 6.7% และมี Valuation น่าสนใจ โดยมี PER ปี 2017F 13 เท่า ยังต่ำกว่า TKN ซึ่งสูงถึง 32 เท่า
- Catalyst : การส่งออกทยอยฟื้นตัว + นโยบายบริษัทที่เริ่มเป็นเชิงรุกมากขึ้น
BLAND (TP2.8*): Support 1.88/1.85 Resistance 1.98/2.10
- Theme : Dividend play
- Earnings Outlook : เข้าสู่ช่วงพัฒนาพื้นที่เมืองทองอีกครั้ง และเพิ่มสัดส่วน Recurring income จากโครงการใหม่ๆ โดย IBIS (โรงแรม 3ดาว) และThe portal (ห้างเล็กๆบริเวณศูนย์ประชุมทุกจุด) เปิดให้บริการแล้ว นอกจากนี้ Cosmo Bazaar (แหล่งShopping) และ Cosmo Office Park(ออฟฟิศให้เช่า) คาดเปิดให้บริการมิ.ย.นี้ รวมถึง รถไฟฟ้าสีชมพูที่จะเกิดขึ้น โดยรวมแม้ประเมินกำไรใน 3 ปีนี้อิง Conservative คาดทรงตัว แต่คุณภาพของกำไรช่วง 3 ปีนี้ดีขึ้นจากอดีต + มี Upside risk จากหลายโครงการที่จะทยอยเกิดขึ้น
- Valuation : ราคาหุ้นยังอยู่ในจุดที่มีความคาดหวังต่ำ โดยซื้อขาย P/BV ต่ำราว 0.82 เท่า เทียบกับโอกาสที่ราคาที่ดินยังมีโอกาสเพิ่มอีกมากหากรถไฟฟ้าให้บริการ
- Catalyst : ประกาศจ่ายปันผลมากกว่าคาด โดยอยุ่ที่ 0.08 บาท (yield 4.2%) (XD 29 มิ.ย.นี้) + ครม.อนุมัติรถไฟฟ้าสายสีชมพูแล้ว หนุนโอกาสเกิดขึ้นของส่วนต่อขยาย 2 สถานีเข้าเมืองทอง
ข่าวเด่น