คำแนะนำ
มี แนวโน้มที่จะทดสอบแนวต้าน 1,266 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถผ่านได้ให้แบ่งขายทำกำไร แต่ถ้าผ่านได้ให้รอขายบริเวณแนวต้านสำคัญ 1,274 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขึ้นไป อย่างไรก็ตามหากไม่ผ่าน ประเมินแนวรับที่ 1,245 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ 1,245 1,236 1,223
แนวต้าน 1,266 1,274 1,283
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับ ตัวเพิ่มขึ้น 6.19 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากถ้อยแถลงของนายเจมส์ บูลลาร์ดประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ที่กล่าวในวันศุกร์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดสามารถระงับการขึ้นดอกเบี้ยในระยะสั้นจนกว่าจะมีความ ชัดเจนว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐกำลังมุ่งสู่เป้าหมาย 2%ของเฟด นอกจากนี้ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนเพิ่มหลังไอเอชเอสมาร์กิตเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI)เบื้องต้นรวมภาคการผลิตและบริการของสหรัฐ ร่วงลงต่ำกว่าคาดสู่ระดับ 53.0 ในเดือนมิ.ย.ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน ประกอบกับเกิดความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นทั่วโลก อาทิ ความเสี่ยงทางการเมืองในสหรัฐซึ่งเกี่ยวข้องกับประธานาธิบดีทรัมป์ การเจรจา Brexitและสถานการณ์ตึงเครียดหลังเกาหลีเหนือทำการทดสอบเครื่องยนต์จรวดที่ อาจจะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาขีปนาวุธข้ามทวีป(ICBM) ปัจจัยดังกล่าวหนุนราคาทองคำให้ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์บริเวณ 1,258.81 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR ลดการถือครองทองคำในวันศุกร์ลง 2.96 ตัน ขณะที่วันนี้ติดตามการเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนพ.ค.
ปัจจัยทางเทคนิค
ราคาทองคำสามารถสร้างระดับสูงสุด ใหม่จากวันก่อนหน้าได้ ขณะที่การอ่อนตัวลงค่อนข้างจำกัดแสดงถึงแรงเข้าซื้อในระยะสั้นยังคงแข็ง แกร่ง ทั้งนี้ ทำให้ประเมินแนวรับระยะสั้นอยู่ในบริเวณ 1,245 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาไม่หลุดยังคงมีโอกาสที่ราคาจะทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,266 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT & GOLD FUTURES
เน้นเก็งกำไรระยะสั้นได้ โดยแนะนำให้นักลงทุนรอจังหวะเข้าซื้อ หากราคาย่อตัวลงมาและไม่หลุดแนวรับ 1,245 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และขายให้ทยอยทำกำไรหากราคาดีดตัวขึ้นไปทดสอบบริเวณแนวต้าน 1,266 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ข่าวเด่น