“ซื้อ/ถือเมื่อ SET เหนือ 1575”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ปิดบวกเล็กน้อย 1.45 จุด ปิดที่ 1582.36 โดยนักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 1.2 พันล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1 พันล้านบาท ส่วนพอร์ตบล.และรายย่อยซื้อ/ขายสุทธิไม่มาก ส่วนปัจจัยในช่วงนี้ ทางด้านปัจจัยภายนอก ตัวเลขการผลิตและบริการของสหรัฐและยูโรโซนเบื้องต้นอ่อนตัวลงเป็น 53.0 และ 55.7 แต่ดัชนียังเหนือระดับ 50 อยู่พอควร (สูงกว่า 50 คือการขยายตัวเทียบกับเดือนก่อน) จึงไม่น่ากังวลนัก ส่วนราคาน้ำมันดิบยังอ่อนแอจากอุปทานสูง ทำให้หุ้นกลุ่มพลังงานขาดปัจจัยกระตุ้นทางบวกและราคาน้ำมันดิบดูมี Downside Risk ประเด็นที่ติดตาม คือ สุนทรพจน์ของนางเยลเลน ประธานเฟดวันอังคารนี้ ซึ่งอาจส่งสัญญาณเกี่ยวกับดอกเบี้ยสหรัฐในระยะต่อไป หลังประธานเฟดหลายสาขามีมุมมองที่แตกต่างกัน ส่วนในประเทศ อาจมี Window Dressing ทำราคาปิดสิ้น 2Q60 (หุ้น Big Cap ไม่น่าจะร่วงแรงในสัปดาห์นี้ ยกเว้นมีเหตุการณ์กระทบแรงๆ) กลยุทธ์ : Selective Buy ต่อไปหุ้นกลยุทธ์พื้นฐานแนะนำวันนี้เป็น COM7
+ COM7 : คาดกำไรปีนี้โตแกร่ง 41% และปีหน้า 21% จากขยายช่องทางธุรกิจ ล่าสุดจับมือกับ Lotus เพิ่ม ตลาด Labtop ฟื้นตัว เน้นลูกค้า B2B กลุ่มการศึกษาและพาณิชย์เพิ่ม และใน 4Q60 Apple จะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ช่วยกระตุ้นยอดขาย แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 13.50 บาท
+ กลุ่มสายการบิน : ดำเนินการแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ เรียบร้อยแล้ว จะนำเสนอ ICAO ในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ และการที่ราคาน้ำมันอ่อนแอก็เป็นบวกกับกลุ่มสายการบินด้วย หุ้นเด่น คือ AAV (ราคาพื้นฐาน 6.90 บาท มี Upside ประมาณ 9%)
- กลุ่มโรงพยาบาล : ราคาน้ำมันซบเซาทำให้ประเทศตะวันออกกลางตัดงบประมาณสนับสนุนรักษาพยาบาลนอก ประเทศ (UAE ลดจาก 90% เป็น 50%) แต่ก็เป็นมาปีกว่าแล้ว สิ่งที่จะกดดันในระยะต่อไปคือ การเปิดโรงพยาบาลใหม่ขนาดใหญ่ของคูเวต (1,168 เตียง) และกาตาร์ (559 เตียง) ในปลายปี 60 ซึ่งจะกระทบ BDMS, BH ซึ่งมีคนไข้ตะวันออกกลางเป็นสัดส่วนสูง ในการลงทุน เราจึงชอบโรงพยาบาลขนาดเล็กมากกว่า โดยเฉพาะที่ให้บริการคนไข้ประกันสังคมที่รัฐให้เงินชดเชยเพิ่ม (มีผล 1 ก.ค.นี้เป็นต้นไป หุ้นเด่น คือ CHG, LPH, RJH
การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ภาพตลาดเป็นบวกเล็กๆ เน้นซื้อเมื่อ SET เหนือ 1580 , ต่ำกว่า 1575 ควร Wait & See ต้าน 1585-1590
สำหรับการ SCAN หุ้นที่มีโอกาสทำ New High พบว่าที่เข้ามาใหม่เป็น STEC, UNIQ, GCAP, PSL, NETBAY หุ้นที่ยังอยู่ใน List คือ ANAN, PACE, GIFT, TPOLY, LPN, AMATA, BCPG, EA หุ้นที่หลุด List เป็น GOLD, BWG, ACAP และหุ้นที่ให้หาจังหวะ Take Profit ได้แก่ JMT, ADVANC
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
• ยูโรโซน : ดัชนี PMI ภาคผลิตและบริการเบื้องต้นเดือนมิ.ย.อ่อนลงแต่ยังคงขยยายตัว
มาร์กิต เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของยูโรโซนในเดือนมิ.ย. ปรับตัวลดลงแตะ 55.7 จากระดับ 56.8 ในเดือนพ.ค. และทำสถิติต่ำสุดในรอบ 5 เดือน
• สหรัฐ : ดัชนี PMI ภาคผลิตและบริการเบื้องต้นเดือนมิ.ย.อ่อนลงแต่ยังเหนือ 50
มาร์กิต ระบุว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เบื้องต้นรวมภาคการผลิตและบริการของสหรัฐร่วงสู่ 53.0 ในเดือนมิ.ย. จาก 53.6 ในเดือนพ.ค. แต่ดัชนีที่เหนือ 50 บ่งชี้ว่ายังคงขยายตัวได้
• สหรัฐ : จับตาสุนทรพจน์นางเยลเลนอังคารนี้
นางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะกล่าวสุนทรพจน์ที่กรุงลอนดอนในวันอังคารนี้ ซึ่งนักลงทุนจะจับตาการส่งสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินของเฟด อย่างไรก็ดี ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ยังไม่เคลื่อนไหวมากนัก
สำหรับความเห็นของประธาน & เจ้าหน้าที่เฟดที่ออกมาในช่วงนี้ค่อนข้าง Mixed
# นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวในการประชุมที่แนชวิลล์ว่า เฟดสามารถระงับการขึ้นดอกเบี้ยในระยะสั้น และรอดูว่าเศรษฐกิจจะไปในทิศทางใด
# นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์ กล่าวว่า เฟดต้องเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อไปเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเงินเฟ้อที่ไม่สามารถ ควบคุมได้และอาจก่อให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย
# นายเจอโรม โพเวลล์ หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด กล่าวในการประชุมงานหนึ่งว่า เฟดอาจพิจารณายกเครื่องกฎการเคลียริ่ง เนื่องจากระบบที่ใช้ในปัจจุบันทำให้ธนาคารต่างๆเปราะบางต่อความเสี่ยง
• ตลาดหุ้นสหรัฐ : ทรงตัว
ดัชนี DJIA ปิดอ่อนลงเล็กน้อย 2.53 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 3.80 จุด ดัชนี Nasdaq บวก 28.56 จุด แม้ว่าหุ้นแบล็คเบอร์รี่จะร่วงถึง 12.3% หลังทำยอดขายรายไตรมาสได้น้อยกว่าที่คาดการณ์
• สัญญาน้ำมันดิบ : ยังซบเซา
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 27 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 43.01 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT เพิ่มขึ้น 32 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 45.54 ดอลลาร์/บาร์เรล แรงกดดันยังคงเป็นเรื่องอุปทานสูง โดยมีรายงานว่าการผลิตน้ำมันของลิเบียเพิ่มขึ้นมากกว่า 50,000 บาร์เรล/วัน สู่ระดับ 885,000 บาร์เรล/วัน ขณะที่การส่งออกน้ำมันของไนจีเรียจะเพิ่มขึ้น 62,000 บาร์เรล/วันในเดือนส.ค.60 นอกจากนั้นเบเกอร์ ฮิวจ์ รายงาน แท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐเพิ่มอีก 11 แท่นเป็น 758 แท่น ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 23 ติดต่อกัน
+ สัญญาทองคำ : เพิ่มขึ้น
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 7 ดอลลาร์ หรือ 0.56% ปิดที่ระดับ 1,256.40 ดอลลาร์/ออนซ์
ปัจจัยในประเทศ และหุ้นเด่น
+ Window Dressing ทำราคาปิดสิ้นไตรมาส 2/60
ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสที่จะถูกพยุงไว้ด้วยราคาหุ้น Big Cap จากนักลงทุนสถาบันในช่วงทำราคาปิดสิ้นไตรมาส 2/60 หรือที่เรียกกันว่า Window Dressing
- กลุ่มโรงพยาบาล : คนไข้ตะวันออกกลางลดกระทบรายได้และกำไรโรงพยาบาลใหญ่
ราคาน้ำมันดิบที่ยังอ่อนแอ ทำให้ประเทศในตะวันออกกลางประกาศลดงบประมาณสนับสนุนค่ารักษาพยาบาลในต่างแดน ลง อย่างเช่น UAE ประกาศลดจาก 90% เป็น 50% ของค่าใช้จ่าย ทำให้ผู้ป่วยจาก UAE เข้ามาน้อยลงนอกจากนั้นคูเวตจะเปิด Hospital Complex ขนาด 1,168 เตียง , กาตาร์จะเปิด Medical City ขนาด 559 เตียงในปลายปีนี้ด้วย
ความเห็น DBSV Retail Research : เรื่องนี้เป็นข่าวลบกับโรงพยาบาลขนาดใหญ่อย่าง BDMS, BH ที่มีสัดส่วนคนไข้ตะวันออกกลางสูงมากว่า 1 ปีแล้ว และราคาหุ้นที่ลดลงมาตั้งแต่ปี 59 ถึงปัจจุบันได้สะท้อนไปพอควรอย่างไรก็ตาม สถานการณ์ที่กดดันทำให้การพลิกฟื้นของราคาหุ้นโรงพยาบาลขนาดใหญ่จะต้องใช้ เวลามากขึ้นในเชิงกลยุทธ์ลงทุน เราชอบโรงพยาบาลขนาดเล็กที่มีแนวโน้มการเติบโตดีที่กว่า ทั้งจากการใช้บริการของผู้ป่วยในประเทศที่เพิ่มขึ้น และการเพิ่มเงินชดเชยประกันสังคมให้กับโรงพยาบาลที่รับคนไข้ประเภทนี้ (จาก 1,460 เป็น 1,500 บาท/คน/ปี เพิ่มอัตราเฉลี่ยโรคเรื้อรังจาก 432 เป็น 447 บาท/คน/ปี เพิ่มโรง High-intensity จาก 560 เป็น 640 บาท/คน/ปี โดยมีผลตั้งแต่ 1 ก.ค.60) สำหรับหุ้นโรงพยาบาลที่เราแนะนำซื้อ คือ CHG (ราคาพื้นฐาน 3.10 บาท), LPH (ราคาพื้นฐาน 10.80 บาท), RJH (ราคาพื้นฐาน 30 บาท)
+ กลุ่มสายการบิน : ดำเนินการแก้ไขด้านความปลอดภัยแล้วจะรายงาน ICAO ทราบ 30 มิ.ย.นี้
สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้มอบใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศฉบับใหม่ หรือ Re-AOC ให้กับสายการบินนกแอร์ ซึ่งนับเป็นรายที่ 6 และในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ ทางกพท.จะรายงานความคืบหน้าให้ ICAO รับทราบว่าได้ดำเนินทำ Re-AOC ของ 6 สายการบินและแก้ไขข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย (SSC) 33 ข้อ เพื่อปลดธงแดง อย่างไรก็ดีเดือนก.ย.นี้จะมีสายการบินราว 10 สายต้องหยุดบริการเส้นต่างประเทศเพราะไม่ผ่านการตรวจขั้นตอนสุดท้าย แต่เป็นสายการบินขนาดเล็กที่มีเครื่อง 1-2 ลำเท่านั้น สำหรับหุ้นเด่นในกลุ่มนี้เป็น AAV (ราคาพื้นฐาน 6.90 บาท) ซึ่งธุรกิจไปได้ดี และได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันที่ต่ำด้วย
+/• กลุ่มอาหาร : ราคาอาหารสัตว์ปรับขึ้นหลังรายใหญ่หยุดรับซื้อข้าวโพดในประเทศ
ประชาชาติธุรกิจรายงานว่า กลุ่มชาวไร่ข้าวโพดระบุว่าผู้ผลิตอาหารสัตว์รายใหญ่ คือ CP แหลมทอง และลีพัฒนาได้ยุดรับซื้อข้าวโพดจากชาวไร่ตั้งแต่ 23 มิ.ย.60 คาดว่าเป็นเพราะต้องการกดดันรัฐบาลให้ปรับความร่วมมือที่ให้ผู้ผลิตซื้อข้าว โพดในประเทศ 3 ส่วนเพื่อนำเข้าข้าวสาลี 1 ส่วน หรือมาตรการ 3 : 1 ให้เป็น 2 : 1 แต่ทางกระทรวงพาณิชย์ยังไม่มีคำตอบ ผลก็ คือ ราคาอาหารสัตว์ปรับขึ้นหลังผู้ผลิตหยุดรับซื้อข้าวโพดและหยุดผลิตชั่วคราว ขณะที่ราคาข้าวโพดต่ำลง
ความเห็น DBSV Retail Research : เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นผลดีกับผู้ประกอบการอาหารสัตว์ โดยมาร์จิ้นของธุรกิจจะดีขึ้นในช่วงที่ราคาอาหารสัตว์เพิ่มขึ้นและข้าวโพดลด ลง บจ.ที่ได้ประโยชน์ได้แก่ CPF, GFPT, LEE, TU เป็นต้น แต่คาดว่าจะเป็นเพียงชั่วคราวและส่งผลกระทบต่อประมาณการกำไรสุทธิปี 60F ไม่มาก เพราะเชื่อว่ารัฐบาลจะเร่งเข้ามาแก้ปัญหานี้
+ COM7 : ธุรกิจและกำไรเติบโตได้ดีจากการที่บริษัทหาช่องทางธุรกิจใหม่ๆ ต่อเนื่อง
บริษัทได้จับมือเป็นพันธมิตรกับเทสโก้ โลตัส เพื่อที่จะเปิดให้บริการร้าน BaNANA IT ในศูนย์การค้าของเทสโก้โลตัส คาดว่าจะเป็นบวกกับผลการดำเนินงานมากขึ้นไปอีก นอกจากเป็นพันธมิตรกับ TRUE อยู่แล้ว ทางด้านตลาด Laptop ได้กลับมาฟื้นตัว รวมทั้งแนวโน้มธุรกิจจำหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ก็ยังแข็งแกร่ง บริษัทจะเน้นไปยังลูกค้าประเภท B2B (Business to Business) มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มตลาดการศึกษาและพาณิชย์ โดยจะเริ่มตั้งแต่ 3Q60 เป็นต้นไป และใน 4Q60 จะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Apple ออกสู่ตลาดเพิ่ม เช่น iPad 10.5, McBook, iPhone, Home Pod เป็นต้น ทาง DBSV แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 13.50 บาท
ข่าวเด่น