คำแนะนำ
  เน้นเก็งกำไรระยะสั้น โดยมีแนวรับบริเวณ 1,236 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหากราคาขยับขึ้นควรแบ่งขายทำกำไรบ้างส่วนหากราคาทองคำไม่ผ่านโซน 1,254-1,266 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ควรคำนึงถึงความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา

แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ 1,236 1,223 1,213
แนวต้าน 1,254 1,266 1,274

ปัจจัยพื้นฐาน
  ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.02 ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยราคาทองคำได้รับแรงหนุนหลังนายมาริโอ ดรากี ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เปิดเผยในการประชุมที่โปรตุเกสว่า อีซีบีอาจเริ่มที่จะยกเลิกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นในยุโรป  ถ้อยแถลงดังกล่าวหนุนยูโรให้พุ่งขึ้นซึ่งกดดันสกุลเงินดอลลาร์ให้อ่อนค่า  นอกจากนี้ราคาทองคำได้รับแรงหนุนเพิ่มหลังวุฒิสภาสหรัฐเลื่อนการลงมติกฏหมายประกันสุขภาพหรือ “อเมริกันเฮลท์แคร์”ไปจนถึงหลังวันปิดสมัยประชุมวุฒิสภาในวันที่ 4 ก.ค.ซึ่งสร้างความวิตกเกี่ยวกับความสามารถของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆซึ่งรวมถึงการปรับลดภาษีและการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน  ปัจจัยดังกล่าวกดดันสินทรัพย์เสี่ยงและหนุนราคาทองคำเช่นกัน  ด้านความเห็นของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในลอนดอนเมื่อคืนนี้ไม่ได้มีการกล่าวถึงการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดจึงไม่ส่งผลกระทบต่อดอลลาร์และราคาทองคำแต่อย่างใด  ขณะที่วันนี้ติดตามการเปิดเผยสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งและยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายของสหรัฐ

ปัจจัยทางเทคนิค
  ระหว่างวันหากราคาทองคำไม่หลุด 1,236 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จะมีโอกาสดีดตัวขึ้น โดยหากยืนเหนือระดับ 1,254 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ จะมีการขยับขึ้นไปทดสอบแนวต้านถัดไป แต่หากหลุดแนวรับแรกกรอบด้านล่างจะอยู่ที่ 1,223-1,213  ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT & GOLD FUTURES
  เสี่ยงเปิดสถานะซื้อ โดยอาจใช้บริเวณ 1,236 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากหลุดให้ชะลอการเข้าซื้อไปยังโซนแนวรับถัดไป ขณะที่หากราคาดีดตัวขึ้นแนะนำทยอยแบ่งปิดสถานะทำกำไรโซน 1,254-1,266 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ ไม่ควรถือสถานะจำนวนมากเพื่อควบคุมความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา