+/- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ขยับลงเล็กน้อย จากการขายทำกำไรของนักลงทุนบริเวณแนวต้านทางเทคนิคที่ 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปิดทำการเนื่องในวันเฉลิมฉลองวัน ชาติสหรัฐฯ
  + ตลาดยังคงซึมซับข่าวในทิศทางบวก หลังข้อมูลเผยปริมาณแท่นขุดเจาะในสหรัฐฯ ปรับลดลง 2 แท่น นับเป็นการปรับลดครั้งแรกตั้งแต่เดือน ม.ค. 60 โดยล่าสุดอยู่ที่ 756 แท่น นอกจากนี้ ข้อมูลปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 9.25 ล้านบาร์เรลต่อวัน ณ วันที่ 28 มิ.ย. 60 ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนภาวะตลาดน้ำมันดิบให้คงอยู่ในเชิงบวก ไว้ได้
  - อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องจับตามองปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปก หลังข้อมูลแสดงให้เห็นว่าปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในเดือน มิ.ย. ปรับเพิ่มขึ้น 280,000 บาร์เรลต่อวัน แตะระดับ 32.72 ล้านบาร์เรลต่อวัน นับเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในปี 2560 โดยเป็นผลมาจากการปรับเพิ่มขึ้นของกำลังการผลิตในไนจีเรีย หลังเหตุการณ์ความไม่สงบที่คลี่คลายลงทำให้ตัวเลขส่งออกน้ำมันดิบในเดือน มิ.ย. สูงถึง 2.22 ล้านบาร์เรลต่อวัน และกำลังการผลิตในลิเบีย ซึ่งล่าสุดปรับขึ้นมาอยู่ที่ 1.012 ล้านบาร์เรลต่อวัน
  - ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกในเดือน มิ.ย. ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 25.92 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 450,000 บาร์เรลต่อวัน คิดเป็นร้อยละ 1.8 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยไนจีเรีย ลิเบีย และซาอุดิอาระเบียเป็นชาติที่มีการส่งออกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นรวมกว่า 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในขณะที่การส่งออกน้ำมันดิบจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิหร่าน และอัลจีเรีย ปรับลดลง

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตลาดน้ำมันเบนซินในเอเชียจะปรับตัวดีขึ้น โดยได้รับแรงสนับสนุนจากอุปสงค์ในประเทศสหรัฐอเมริกาที่คาดว่าจะปรับตัวสูง ขึ้นในช่วงวันหยุดเนื่องในวันชาติสหรัฐอเมริกา
  ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันดีเซลในประเทศอินเดียยังคงอยู่ในระดับดีอย่าง ต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากการที่โรงกลั่นภายในประเทศยังคงอยู่ในระหว่างการปิดซ่อมบำรุง

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
   ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 43-48 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
   ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 45-50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง
  ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ คาดจะปรับตัวลดลง จากโรงกลั่นน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มคงกำลังการกลั่นในระดับสูงต่อเนื่อง รวมถึงปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบของสหรัฐฯ จากตะวันออกกลาง โดยเฉพาะซาอุดิอาระเบีย คาดจะปรับลดลง โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลัง ณ จุดส่งมอบคุชซิ่ง โอกลาโฮมา ปรับลดลง 0.3 ล้านบาร์เรลมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือนที่ 60.83 ล้านบาร์เรล ในขณะที่ ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้นเพียง 0.1 ล้านบาร์เรลมาอยู่ที่ระดับ 509.2 ล้านบาร์เรล
  การผลิตน้ำมันดิบของ สหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น หลังผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ เพิ่มการขุดเจาะน้ำมันดิบขึ้นต่อเนื่องมาสู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี อย่างไรก็ตาม ทิศทางการเพิ่มขึ้นเริ่มชะลอตัวลงหลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงค่อนข้างมาก จากความกังวลปัญหาอุปทานล้นตลาด โดยจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นเพียง 94 แท่นในไตรมาส 2 ชะลอตัวลงจากไตรมาส 1 ที่เพิ่มขึ้นกว่า 137 แท่น
ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบ ของไนจีเรียและลิเบียมีแนวโน้มเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นต่อเนื่อง โดยไนจีเรียคาดจะกลับมาสามารถส่งออกน้ำมันดิบที่ระดับ 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในเดือน ส.ค. นี้ ซึ่งระดับดังกล่าวเป็นระดับที่สูงสุดในรอบ 17 เดือน  ในขณะที่ลิเบียปริมาณการผลิตน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเร็วกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ภายในสิ้นเดือน ก.ค. นี้
   ติดตามการประชุมระหว่างผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกในวันที่ 24 ก.ค. ว่าจะปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมหรือกำหนดเพดานการผลิตของลิเบียหรือ ไนจีเรีย เพื่อช่วยสนับสนุนราคาน้ำมันดิบเพิ่มเติมหรือไม่