- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงราว 2 เปอร์เซ็นต์ หลังแตะระดับสูงสุดในรอบสองเดือน เนื่องจากถูกกดดันจากความกังวลต่อปริมาณการผลิตน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นจากผู้ผลิตรายใหญ่ทั่วโลก โดยปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกในเดือน ก.ค. 2560 ปรับตัวสูงขึ้น 90,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับเพิ่มกำลังการผลิตจากประเทศลิเบียเป็นหลัก
- นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันจากการปิดซ่อมบำรุงฉุกเฉินของโรงกลั่นน้ำมันของ Shell ในประเทศเนเธอร์แลนด์ หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา และคาดการณ์ว่าจะกลับมาดำเนินการได้อีกครั้งอย่างเร็วที่สุดในช่วงครึ่งหลังของเดือน ส.ค. 2560 โดยโรงกลั่นน้ำมันแห่งนี้เป็นโรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป ซึ่งมีกำลังการผลิต 404,000 บาร์เรลต่อวัน
+ อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบยังมีแรงหนุนจากอุปสงค์ที่คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 หลังนักวิเคราะห์จากหลายสถาบันได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ โดยนักวิเคราะห์จาก BP ให้ความเห็นว่าอุปสงค์มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 1.4 เป็น 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน
-/+ สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.78 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ก่อน สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะปรับลดราว 2.9 ล้านบาร์เรล ปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง 4.8 ล้านบาร์เรลมากกว่าคาดการณ์ และปริมาณน้ำมันดีเซลคงคลังสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง 1.22 ล้านบาร์เรลต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนหน้า
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ในภูมิภาคและปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ที่คาดการณ์ว่าจะปรับตัวลดลง ประกอบกับอุปทานที่ปรับลดลงจากการปิดซ่อมบำรุงฉุกเฉินของโรงกลั่นน้ำมันในประเทศเนเธอร์แลนด์จากเหตุเพลิงไหม้ในวันเสาร์ที่ผ่านมา
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยมีแรงหนุนจากอุปสงค์ที่อยู่ในระดับสูง ประกอบกับอุปทานที่ลดลงจากการปิดซ่อมบำรุงฉุกเฉินของโรงกลั่นน้ำมันในประเทศเนเธอร์แลนด์จากเหตุเพลิงไหม้ในวันเสาร์ที่ผ่านมา
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 47-52 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 49-54 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับลดลง หลังโรงกลั่นสหรัฐฯ คาดจะคงอัตราการกลั่นในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปที่ปรับตัวดีขึ้น โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 21 ก.ค. 60 ปรับลดลงราว 7.2 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 483 ล้านบาร์เรล
การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น หลังผู้ผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ เพิ่มการขุดเจาะน้ำมันดิบขึ้นต่อเนื่องมาสู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี อย่างไรก็ตาม ทิศทางการเพิ่มขึ้นเริ่มชะลอตัวลงหลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง
การผลิตน้ำมันดิบของลิเบียและไนจีเรียมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยลิเบียการผลิตน้ำมันดิบล่าสุดปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน เร็วกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ภายในสิ้นเดือน ก.ค. นี้ ในขณะที่ไนจีเรียปริมาณการผลิตอยู่ที่ระดับ 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ใกล้เคียงกับระดับเป้าหมายที่ 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ข่าวเด่น