- ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง หลังตลาดตอบรับต่อข้อมูลการส่งออกน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกเดือนกรกฎาคมในเชิงลบ จากตัวเลขการส่งออกที่ปรับเพิ่มขึ้น 370,000 บาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ 26.11 ล้านบาร์เรลต่อวัน นับเป็นระดับที่สูงสุดในปี 2560 แม้ผู้ผลิตรายใหญ่ของกลุ่มฯ อย่างซาอุดิอาระเบียจะปรับลดการส่งออกน้ำมันดิบลงถึง 360,000 บาร์เรล มาอยู่ที่ 7.1 ล้านบาร์เรลต่อวันก็ตาม
- การส่งออกน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากการส่งออกของไนจีเรีย แองโกล่า ลิเบีย และอิหร่าน ที่ปรับเพิ่มขึ้น โดยในเดือนกรกฎาคมไนจีเรียมีการส่งออกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 260,000 บาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ 2.19 ล้านบาร์เรลต่อวัน แองโกล่าส่งออกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ 1.89 ล้านบาร์เรลต่อวัน อิหร่านส่งออกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 103,000 บาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ 2.29 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในขณะที่ลิเบียส่งออกน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 120,000 บาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ 0.88 ล้านบาร์เรลต่อวัน
- Goldman Sachs เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทผู้ผลิตน้ำมันดิบยักษ์ใหญ่หลายรายในไตรมาส 2/60 บ่งบอกว่ากระแสเงินสดจากการดำเนินงาน (Operating Cash Flow) ได้ครอบคลุมกว่าร้อยละ 91 ของเงินลงทุน (CAPEX) และเงินปันผล (Dividend) ซึ่งแสดงถึงความสามารถในการปรับตัวด้านต้นทุนให้เหมาะสมกับราคาน้ำมันดิบในระดับ 50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลได้แล้ว
-/+ ด้านนักวิเคราะห์จาก National Australian Bank เผยว่า ราคาน้ำมันดิบในช่วงครึ่งหลังของปีมีแนวโน้มที่จะทรงตัวอยู่ในช่วง 50-55 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจากไม่ได้มีการลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมจากผู้ผลิตน้ำมันดิบ ประกอบกับความต้องการใช้น้ำมันดิบไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญมากพอที่จะทำให้ราคาปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องได้
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ แม้ว่าอุปสงค์ประเทศอินโดนีเซีย สหรัฐอเมริกา และตะวันออกกลางยังคงอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ตลาดยังได้รับอานิสงส์จากอุปทานที่ยังค่อนข้างตึงตัวหลังโรงกลั่นน้ำมันในประเทศเนเธอร์แลนด์เกิดเหตุเพลิงไหม้
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังข้อมูลเผยตัวเลขส่งออกน้ำมันดีเซลจากจีนในช่วงครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนถึงร้อยละ 21 อย่างไรก็ตาม ตลาดยังได้รับแรงสนับสนุนจากอุปทานที่ตึงตัวหลังโรงกลั่นน้ำมันในประเทศเนเธอร์แลนด์เกิดเหตุเพลิงไหม้
ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์นี้
ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 47-52 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 49-54 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ คาดจะปรับลดลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 6 ติดต่อกัน หลังโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐ มีแนวโน้มคงกำลังการกลั่นในระดับสูงต่อเนื่องเพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันในช่วงฤดูกาลขับขี่ รวมถึงการนำเข้าน้ำมันดิบที่คาดจะปรับลดลง โดยสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 28 ก.ค. ปรับลดลง 1.5 ล้านบาร์เรลมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือนที่ระดับ 481.88 ล้านบาร์เรล
ตลาดมีแนวโน้มได้รับแรงหนุนจากการประชุมของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกในวันที่ 7-8 ส.ค. นี้ ณ เมือง อาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อหารือถึงสาเหตุของการที่บางประเทศผลิตน้ำมันดิบมากกว่าข้อตกลง ซึ่งก่อนการประชุมในสัปดาห์นี้ ประเทศยักษ์ใหญ่ของกลุ่มโอเปกอย่างซาอุดิอาระเบียได้ออกมาให้ความเห็นว่าจะเพิ่มแรงกดดันต่อประเทศที่ไม่สามารถลดกำลังการผลิตได้ตามข้อตกลง ในเวลาต่อมา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นประเทศที่ยังผลิตเกินข้อตกลงได้ออกมาให้คำมั่นว่าจะปรับลดกำลังการผลิตมากขึ้น
จับตาการพิจารณาคว่ำบาตรอุตสาหกรรมน้ำมันเวเนซุเอล่าของสหรัฐฯ หลังมีการจัดการเลือกตั้งสภาร่างธรรมนูญในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เพื่อยุบสภานิติบัญญัติที่ฝ่ายค้านครองเสียงข้างมากและร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งอาจทำให้ประชาธิปไตยภายในประเทศอ่อนแอลง ทั้งนี้ การคว่ำบาตรครั้งนี้อาจทำให้เวเนซุเอลาไม่สามารถส่งผลน้ำมันดิบไปสู่สหรัฐฯ ได้ ในขณะเดียวกัน เวเนซุเอลาก็อาจไม่ได้รับสิทธิ์ในการซื้อน้ำมันดิบ และน้ำมันสำเร็จรูปจากสหรัฐฯ เช่นเดียวกัน
ข่าวเด่น