ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.โนมูระ พัฒนสิน : รายงานภาวะตลาดหุ้นวันนี้(16/08/60)คาดตลาด แกว่งขึ้น ทดสอบแนวต้าน 1574/1580 จุด แนวรับ 1564/1560 จุด


 “Tourism & Bottom Play” 


CNS Daily Strategy : คาดตลาด แกว่งขึ้น ทดสอบแนวต้าน 1574/1580 จุด แนวรับ 1564/1560จุด ภาวะ Risk on ยังเป็นบวกต่อเนื่อง หลัง Geopolitical Risk ลดลง สะท้อนจาก VIX ลดลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน จาก 17.26จุด สู่ 12.04จุด น่าจะทำให้หุ้นในกลุ่ม ท่องเที่ยว ได้จิตวิทยาเชิงบวก ผสานช่วง Seasonal 2H17 วันนี้จึงแนะนำ “Tourism & Bottom Play” เลือก *Daily Top Pick: ERW, MINT, NYT*

Nomura : Key Factors

(+) OIL: รายงานสต๊อกน้ำมันดิบจาก API ลดลงกว่า -9.2 ล้านบาร์เรล หนุนน้ำมันฟื้น
(+) OIL: ราคาน้ำมันดิบวานนี้ WTI -0.08% สู่ $47.55/bbl / BRT +0.14% สู่ $50.80/bbl
(+) Ex Factor: คิมจองอึนประกาศชะลอยิงขีปนาวุธ ลดความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์
(+) Int Factor: ครม.มีมติคง VAT ที่ระดับ 7% เป็น Sentiment บวกต่อกลุ่มค้าปลีก
(*) Fund Flow:วานนี้ต่างชาติซื้อ 1233 ลบ.,Short Future 4332สัญญา,ขาย Bond 754 ลบ.
(-) US Econ: ยอดค้าปลีกสหรัฐฯโตดีกว่าคาด เพิ่มโอกาสที่ FED จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
Nomura Daily Top Picks: ERW, MINT, NYT
Equity Daily Outlook : คาดดัชนีวันนี้ แกว่งขึ้น ในกรอบต้าน 1574/1580จุด และรับ 1564/1560 จุด ยอดค้าปลีกของสหรัฐฯเดือนก.ค. เติบโต 0.6% ดีกว่าคาดที่ 0.3% หนุน FED Fund Rate Future ปรับโอกาสขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้นเล็กน้อยสู่ 42.7%  ผสานกับรายงานอัตราเงินเฟ้ออังกฤษที่ต่ำกว่าเป้า ทำให้การปรับขึ้นดอกเบี้ยของ BOE ชะลอออกไป กดดันค่าเงินปอนด์อ่อนค่าอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่ง 2 ประเด็นดังกล่าว เป็นตัวแปรหนุนให้ค่าเงินดอลล่าร์แข็งค่าขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ Dollar Index ขึ้นมาที่ 93.86จุด เป็นปัจจัยกดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ แต่อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันดิบเช้านี้ยังฟื้นตัว หลังรายงานสต๊อกน้ำมันดิบจาก API ลดลงกว่า -9.2 ล้านบาร์เรล สอดคล้องกับคาดการณ์สต๊อกน้ำมันดิบจาก EIA ที่จะรายงานคืนนี้ คาดจะลดลง -3.4 ล้านบาร์เรล คาดจะหนุนราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวต่อ นอกจากนี้ ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด หลังนายคิม จอง อึน ชะลอการทดลองยิงขีปนาวุธไปที่เกาะกวมเพื่อรอดูท่าทีของสหรัฐฯ ส่งผลให้ดัชนี VIX ปรับตัวลง 3 วันติดต่อกัน สู่ 12.04 จุด จากจุดสูงสุดที่ 17.28จุด สะท้อนสินทรัพย์เสี่ยงเข้าสู่ภาวะ Risk On ผสานกับปัจจัยในประเทศที่ค่อนข้างสดใส หลังรายงานผลประกอบการ 2Q17 In-Line กับที่ Consensus คาด โดยบริษัทที่มีคาดการณ์จาก Bloomberg Consensus ประกาศงบออกมาแล้ว 137 บริษัท ไม่รวม KTB พบว่า ดีกว่าคาด 54 บริษัท In-Line 39บริษัท และแย่กว่าคาด 44 บริษัท มีกำไรสุทธิรวมที่ 1.87แสนล้านบาท ส่วนกำไรรวมของตลาดที่รายงานออกมาแล้วทั้งหมด 514 บริษัท อยู่ที่ระดับ 2.21 แสนล้านบาท ชะลอลงจาก 2.85แสนล้านบาท ใน 1Q17 แต่แนวโน้ม 3Q17 ที่ผลกำไรกำลังจะเติบโตรอบใหม่ จะเป็นแรงผลักดัน SET ช่วงถัดไป โดยเฉพาะภาพที่ต่างชาติเริ่มซื้อหุ้นไทย 4 วันติดต่อกัน 3.7พันล้านบาท   สะท้อนตลาดหุ้นไทยกำลังจะพ้นแรงกดดันของงบ 2Q17 และเริ่มมีความคาดหวังบวกต่อเศรษฐกิจไทยและทิศทางกำไร 2H17 มากขึ้น ผสานมาตรการภาครัฐที่ยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอย่างต่อ โดยล่าสุด ครม.มีมติคง VAT ที่ระดับ 7% ถือเป็น Sentiment บวกต่อกลุ่มค้าปลีก ประกอบกับ ธกส.ออกมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ย 0% เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัยน้ำท่วม 44 จังหวัด วันนี้จับตา การประชุม กนง คาดคงดอกเบี้ย 1.5% ต่อ และ รายงานการประชุม FED ในค่ำคืนนี้

Asset allocation : หุ้น 70% ทองคำ 12.5% ตลาดบอนด์ 5% และเงินสด 12.5%

Daily Strategy :   5 Theme เด่น วันนี้ เน้น “Tourism & Bottom Play” เป็นหลัก 
1.   กลุ่มท่องเที่ยว ความเสี่ยงของการเมืองระหว่างประเทศลดลง หนุน MINT, ERW เด่น ส่วน AOT เน้นเก็งกำไร
2.   Bottom Out : TOYOTA เร่ง ECO Car ที่เหลืออีก 4แสนคัน ช่วงปีที่5-8 ตั้งแต่ต้นปี 2018 หนุนหุ้นท่าเรือส่งออก ที่ Low PER & High Yield แนะนำ NYT และ Auto Related(SNC)
3.   ราคาน้ำมันดิบ BRT เช้านี้(8.20น.) บวก 0.22% ที่  50.92เหรียญฯ และค่าการกลั่นทำจุดสูงสุดใหม่ของปีนี้ที่ 8.45เหรียญฯ ต่อบาร์เรล ทำให้ 3Q17QTD เฉลี่ย 7.55เหรียญฯ +47.7%y-y, +17.9%q-q บวกต่อ PETRO Laggard (PTTGC, IRPC, BCP)
4.   กลุ่ม 1H17F High Yield : LH, BCP, BEC, PSH, INTUCH, RATCH, PM
5.   นักท่องเที่ยว UAE ซึ่งเป็นกลุ่มหลักที่เข้ามารักษาพยาบาลในไทยฟื้นตัวเด่น ผสานหน้าฝนที่มาเร็ว จะเป็นแรงหนุนกลุ่ม รพ. ฟื้นตัวรอบใหม่ เน้น BH, BDMS, CHG และ BCH

Fundamental & Tactical Daily Top Picks :

MINT (TP18F 50*):  Support 38.0/37.0 Resistance 40.5/41.5

Theme : Earnings Play
Earnings Outlook : คาดกำไรปกติ 3Q17F เติบโต y-y และ q-q จากธุรกิจโรงแรมในไทยเติบโตตามการท่องเที่ยว และ โรงแรมในโปรตุเกสเข้าสู่ช่วง high season ประกอบกับคาดว่าธุรกิจ AVC จะเติบโตต่อเนื่อง
Valuation : ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ PER 18F ต่ำเพียง 28x (Mean 36x) ขณะที่แนวโน้มกำไรปกติเติบโตโดดเด่นที่สุด +16% CAGR มากกว่ากลุ่มที่ 13.5%
Catalyst : ภาพระยะยาวถูกขับเคลื่อนจากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ยังเป็นบวกต่อเนื่อง และอานิสงส์จากนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาเพิ่มขึ้น จากความขัดแย้งระหว่างจีน - เกาหลีใต้
ERW (TP6.80*):  Support 5.25/5.0 Resistance 5.8/6.0 

Theme :  Earnings Play
Earnings outlook : คาดกำไร 2H17 ยังมีทิศทางที่ดีจากช่วงฤดูกาล บวกกับ แผนเปิดโรงแรมเชิงรุก โดยเฉพาะ Hop Inn ที่เป็น Budget hotel และผลตอบรับดี ช่วยเพิ่มฐานกำไรและกระจายความเสี่ยงธุรกิจอย่างลงตัว โดยคาดกำไรปีนี้เด่นมาก +46% และอีก 16% ปี 2018F 
Valuation : กำไร 2Q17 ที่เพิ่มโดดเด่น ช่วยให้ระดับ valuation น่าสนใจและมาทันความคาดหวังของตลาด โดยซื้อขาย PER17F 26.3 เท่า vs กลุ่มฯ 29.5 vs ค่าเฉลี่ยอดีต 50.3 เท่า เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในตลาดช่วงนี้ เนื่องจากรายได้หลักมาจากกลุ่มโรงแรม ขณะที่ ผู้ประกอบการอื่นมีปัจจัยกดดันจากภาวะการบริโภค (ร้านอาหาร)     
Catalyst : หลังจากปัจจัยบวกระยะสั้น Consensus ทยอยปรับกำไรขึ้นจากงบ 2Q17 ที่ดีกว่าคาดแล้ว ภาพระยะยาวยังถูกขับเคลื่อนจากตัวเลขนักท่องเที่ยวที่ยังเป็นบวกต่อเนื่อง และอานิสงส์จากนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาเพิ่มขึ้น จากความขัดแย้งระหว่างจีน - เกาหลีใต้
NYT (TP7.65*):  Support 5.0/4.9 Resistance 5.7/6.0

Theme : Dividend Play
Earnings Outlook : คาดกำไร 2H17F ฟื้นตัวดีขึ้นเทียบ h-h จากยอดส่งออกรถยนต์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และใน 1Q18F เริ่มบันทึกรายได้จากพื้นที่เช่าบนท่าเรือ 1.2 แสนตร.ม. ประกอบกับ คาดยอดรถยนต์ส่งออกฟื้นตัวกลับสู่ 1.2 ล้านคันในปี2018 หนุนคาดกำไรสุทธิ18F เติบโต +17.4% y-y   
Valuation : เป็นหุ้น Defensive ที่มีรายได้และกระแสเงินสดมั่นคง + ราคาหุ้นซื้อขาย PER ปี 2018F เพียง 13.9x เท่าต่ำกว่ากลุ่มขนส่งฯ มี Downside จำกัดจาก Dividend yield 18F คาดจ่าย 0.35 บาท/หุ้นหรือสูงถึง 7% 
Catalyst : BOI อนุมัติให้ผู้ผลิตรถยนต์ที่เข้าร่วมโครงการอีโคคาร์ เฟส 1 สามารถนำยอดรถยนต์ไฮบริด-รถยนต์ไฟฟ้าแบบผสม (HEV) รวมยอดผลิตให้ถึง 100,000 คันต่อปีได้ หลังจากล่าสุด Toyota เพิ่งได้รับอนุมัติ BOI เงินลงทุน 1.9 หมื่นลบ.สำหรับรถยนต์ HEV กำลังผลิต 7 หมื่นคันต่อปี หนุนภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ผลิตเพื่อส่งออก เติบโตได้ในระยะยาว NYT เด่น
Note: TP (Bloomberg Consensus) , *TP(CNS), **TP(Nomura)

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 16 ส.ค. 2560 เวลา : 10:53:37

17-06-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ June 17, 2024, 7:31 pm