• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ไม่มี
ปัจจัย&กลยุทธ์ทางปัจจัยพื้นฐาน : เมื่อวันศุกร์ SET ไม่ถูกกระทบจากปัจจัยการเมืองนัก เพราะไม่ได้เกิดเหตุการณ์รุนแรง โดยศาลฎีกาเลื่อนอ่านคำพิพากษาคดีทุจริตจำนำข้าวไปเป็น 27 ก.ย. และออกหมายจับคุณยิ่งลักษณ์หลังไม่มารับฟังคำพิพากษาโดยอ้างว่าป่วยแต่ไม่มี หลักฐาน ส่วนคดีซื้อขายข้าวจีทูจีตัดสินให้จำเลย 6 คนจำคุก 24-48 ปี ปิดตลาดดัชนีทรงตัวที่ 1575.85 นลท.แต่ละกลุ่มซื้อ/ขายสุทธิไม่มาก
ประเด็นสำคัญวันนี้ : ปัจจัยต่างประเทศ – ประธานเฟดและประธาน ECB ไม่ได้ส่งสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงิน และการปรับลดวงเงินโครงการ QE ในกาประชุมที่แจคสัน โฮล 24-26 ส.ค.ที่ผ่านมา แต่ประธานเฟดยืนยันว่าระบบการเงินและเศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสน้อยลงที่จะเผชิญ กับวิกฤตการณ์ และจะสามารถฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์ได้เร็วขึ้น ด้านพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ก็ส่งผลกระทบการผลิตน้ำมันดิบ 9.6% และการผลิตก๊าซธรรมชาติ 14.6% ของประเทศ และกลุ่มสายการบินที่ต้องยกเลิกเป็นร้อยเที่ยวบิน ปัจจัยจับตา คือ การเริ่มประชาสัมพันธ์การปฎิรูปภาษีของทรัมป์ในสัปดาห์นี้ และค่าเงิน US$ ที่กลับมาอ่อนค่าอีกครั้ง ทำให้บาทแข็งขึ้นซึ่งเป็นลบกับส่งออกไทย
ปัจจัยในประเทศ – มาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวอาจจะปรับเป็นให้นำคชจ.มาลดหย่อนภาษี 2 หมื่นบาท/คนสำหรับท่องเที่ยวในปท.โดยไม่มีแบ่งโซน คาดจะสรุปได้ภายในก.ย.นี้...หุ้นที่ได้ปย.มากคือ AOT, ERW ส่วนการเรียกเก็บภาษีสรรพสามิตชา กาแฟ ชาเขียว 10% + ภาษีปริมาณความหวาน เริ่มใช้ 16 ก.ย.60 กระทบราว 5% เช่น ราคาขายขวดละ 20 บาทจะเสียภาษี 1 บาท หุ้นที่ถูกกระทบทางลบคือ OISHI, ICHI ส่วนน้ำผลไม้ 100% ไม่โดนภาษีสรรพสามิต แต่อาจโดนภาษีความหวาน ซึ่ง MALEE ประเมินว่าไม่เกิน 10 ลบ./ปี สำหรับเงินเฟ้อเดือนส.ค.ที่จะมีรายงานออกมาวันนี้ คาดว่าจะยังต่ำมากและไทยจะคงดบ.ระดับนี้ไปถึงอย่างน้อยสิ้นปี 60
กลยุทธ์ลงทุน : โดยหลักยังเป็นการ Selective Buy โดยเน้นไปยังหุ้นพื้นฐานดี กำไรมีแนวโน้มเติบโตแกร่ง & หุ้นที่ธุรกิจมั่นคง จ่ายปันผลดีและสม่ำเสมอ ซึ่งหุ้นกลยุทธ์แนะนำสัปดาห์ (23-30 ส.ค.) เป็น COM7 (Growth Play), KBANK (Value Play)
วิเคราะห์ทางเทคนิค : ตลาดเป็นบวกเล็กๆ เน้นซื้อตามค่าบวก แนวต้าน 1580-1590 จุด Stop loss ถ้าต่ำกว่า 1570 โดยมีแนวรับ 1560-1550 สำหรับการ SCAN หุ้นที่คาดว่าราคาจะทำ New High ได้ พบว่าหุ้นที่เข้ามาใหม่เป็น TMB, SQ, TFG, MEGA หุ้นยังอยู่ใน List คือ IRPC, WORK, TISCO หุ้นหลุด List ได้แก่ TPOLY, BDMS, BCH ส่วนหุ้นแนะนำที่ให้หาจังหวะขายทำกำไรเป็น PDI, MALEE
ปัจจัยต่างประเทศ & ในประเทศที่สำคัญ
ปัจจัยต่างประเทศ ตลาดหุ้น ตลาดน้ำมันและทองคำ
• เยอรมนี : ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีเดือนส.ค.อ่อนเล็กน้อย
# Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่าดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีในเดือนส.ค.ปรับตัวลงแตะ ระดับ 115.9 จากระดับ 116 ในเดือนก.ค.60
- สหรัฐ : เฮอร์ริเคน "ฮาร์วีย์" คร่าชีวิตเพิ่มเป็น 6 ราย และกระทบธุรกิจพลังงาน & สายการบิน
# มีรายงานยอดผู้เสียชีวิตจากพายุเฮอร์ริเคน "ฮาร์วีย์" พัดถล่มฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐเท็กซัสเพิ่มขึ้นเป็น 6 ราย โดยรัฐเท็กซัสถือเป็นแหล่งอุตสาหกรรมพลังงานที่สำคัญของสหรัฐ บริษัทน้ำมันหลายแห่ง เช่น รอยัล ดัชท์เชลล์, อนาดาร์โค ปิโตรเลียม และเอ็กซอน โมบิล ได้พากันอพยพพนักงานออกจากแท่นขุดเจาะน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก ซึ่งกระทบกำลังการผลิตน้ำมันดิบ 9.6% และการผลิตก๊าซธรรมชาติ 14.6% ของทั้งประเทศ
# นอกจากนั้นพายุยังกระทบธุรกิจสายการบินด้วย โดยสายการบิน 2 แห่งในเมืองฮุสตันยังคงปิดให้บริการ และมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องทั่วรัฐเท็กซัส
• สหรัฐ : ประธานเฟดและ ECB ไม่ได้ส่งสัญญาณนโยบายการเงิน & โครงการ QE ในการประชุมแจคสัน โฮล
# ในการกล่าวสุนทรพจน์ที่เมืองแจ็กสัน โฮล นางเยลเลน ประธานเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณถึงทิศทางนโยบายการเงินในอนาคต แต่ได้พุ่งความสำคัญไปยังเรื่องของวิกฤตการณ์ทางการเงินในอดีต และสิ่งที่เจ้าหน้าที่เฟดได้ดำเนินการเพื่อรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมระบุว่าระบบการเงินและเศรษฐกิจมีโอกาสน้อยลงที่จะเผชิญกับวิกฤตการณ์ และจะสามารถฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์ได้เร็วขึ้น ทำให้ภาคครัวเรือน และภาคธุรกิจไม่ต้องเผชิญกับปัญหาเหมือนที่ได้ประสบในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์ เมื่อ 1 ทศวรรษก่อนหน้านี้
# ด้านนายดรากีก็ไม่ได้ส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการ QE อย่างที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยเขากล่าวว่าเศรษฐกิจโลกกำลังอยู่ในภาวะฟื้นตัวมากขึ้น พร้อมเตือนว่านโยบายกีดกันทางการค้าจะสร้างความเสี่ยงที่รุนแรงต่อการขยาย ตัวของเศรษฐกิจโลก
+ สหรัฐ : ทรัมป์จะเริ่มประชาสัมพันธ์นโยบายปฎิรูปภาษีสัปดาห์นี้
# นายแกรี โคห์น หัวหน้าที่ปรึกษาเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่าทรัมป์จะเริ่มต้นทำการรณรงค์เกี่ยวกับการปฏิรูปภาษีในสัปดาห์นี้ โดยทรัมป์จะทำการประชาสัมพันธ์นโยบายปฏิรูปภาษีในวันพุธที่ 30 ส.ค.ในระหว่างที่เขาเดินทางเยือนรัฐมิสซูรี
• สหรัฐ : ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนทั่วไปก.ค.ร่วงแรง แต่ยอดซื้อฯพื้นฐานยังเพิ่มได้
ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป -6.8%MoM ในเดือนก.ค. โดยทำสถิติทรุดตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.57 และต่ำกว่าระดับคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะ -6.0%MoM
# แต่...ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน +0.4%MoM, +3.3%YoY ในเดือนก.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะ +0.3%MoM หลังจากทรงตัวในเดือนมิ.ย.
• ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก : ดัชนีเคลื่อนไหวไม่มากหลังประชุมเศรษฐกิจประจำปี
# ดัชนี DJIA ปิด +30.27 จุด หรือ +0.14% ดัชนี S&P500 ปิด +4.08 จุด หรือ +0.17% แต่ดัชนี Nasdaq ปิด -5.68 จุด หรือ -0.09% สำหรับทั้งสัปดาห์ก่อนทั้ง 3 ดัชนีปรับขึ้นประมาณ 0.7-0.8% โดยประธานเฟดและประธาน ECB ไม่ได้ส่งสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงิน และการปรับลดวงเงินโครงการ QE แต่อย่างใด แต่ตลาดได้รับแรงหนุนจากคำกล่าวของหัวหน้าที่ปรึกษาเศรษฐกิจสหรัฐที่ระบุว่า ทรัมป์จะเริ่มประชาสัมพันธ์การปฎิรูปภาษีในสัปดาห์นี้
+ ภาวะตลาดน้ำมัน : ราคาปรับขึ้นจากพายุเฮอร์ริเคน "ฮาร์วีย์" กระทบโรงกลั่น
# สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 44 เซนต์ หรือ 0.9% ปิดที่ 47.87 ดอลลาร์/บาร์เรล ด้าน BRENT ส่งมอบเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 37 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 52.41 ดอลลาร์/บาร์เรล
# ปัจจัยหนุน คือ 1. เบเกอร์ ฮิวจ์ ที่ระบุว่าแท่นขุดเจาะน้ำมันที่มีการใช้งานในสหรัฐลดลง 4 แท่น สู่ระดับ 759 แท่นในสัปดาห์ก่อน, 2. การอ่อนค่าของเงิน US$, 3. พายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์กระทบการขุดเจาะน้ำมัน & ก๊าซธรรมชาติ และอาจทำให้ท่อส่งน้ำมันเสียหายด้วย
+ ภาวะตลาดทองคำนิวยอร์ก : ปรับขึ้นต่อหลังเงิน US$ อ่อน
# สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 5.9 ดอลลาร์ หรือ 0.46% ปิดที่ระดับ 1,297.9 ดอลลาร์/ออนซ์ สำหรับทั้งสัปดาห์ สัญญาทองคำปรับตัวขึ้น 0.5% ปัจจัยหนุนหลัก คือ การอ่อนค่าของเงิน US$ โดยดัชนีลงมาที่ 92.38 เมื่อวันศุกร์ที่ 25 ส.ค.60 เพราะการเมืองสหรัฐที่ไม่แน่นอน
ปัจจัยในประเทศ และหุ้นมีข่าว
+ กลุ่มท่องเที่ยว : จะเสนอมาตรการใหม่ว่าให้นำคชจ.ท่องเที่ยวมาลดหย่อนภาษีได้ 2 หมื่นบาท
# พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี ว่าได้เสนอกระทรวงการคลังไปใหม่ว่าขอให้นำใบเสร็จค่าใช้จ่ายท่องเที่ยว 20,000 บาทมาลดหย่อนภาษี ส่วนระยะเวลาขอไป 1 ปี (1 ม.ค.-31 ธ.ค.61) แต่ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ใช้มาตรการในช่วงไตรมาส 4/60 แล้วศึกษามาตรการกระตุ้นอื่นๆ ในปี 61
# เป็นบวกกับกลุ่มท่องเที่ยว โดยใน 4Q60 ปีนี้มีโอกาสที่การท่องเที่ยวจะเติบโตได้ YoY เพราะฐานของ 4Q59 ต่ำจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญและไว้อาลัยในหลวงรัชกาลที่ 9 สำหรับหุ้นที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวใน ประเทศมาก คือ AOT (ราคาพื้นฐาน 57 บาท), ERW (ราคาพื้นฐาน 6.50 บาท)
- กลุ่มเครื่องดื่ม : ชา กาแฟ ชาเขียวโดนภาษีฯ 10%+ ภาษีความหวาน, น้ำผลไม้ 100% ไม่โดน
# แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่าทางกรมสรรพสามิตจะแถลงเรื่องอัตราภาษี สรรพสามิตสินค้าและบริการ 21 ประเภท ซึ่งรวมถึงเครื่องดื่มประเภทต่างๆ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งสินค้าบางประเภทที่ได้รับการยกเว้นภาษีฯ เช่น ชา กาแฟ ชาเขียวเพราะตีความว่าใช้วัตถุดิบในประเทศ ช่วยเหลือเกษตรกร แต่ตามกฎหมายใหม่จะต้องเสียภาษีสรรพสามิต 10% ของมูลค่า + ภาษีค่าความหวาน เช่น ราคาขายขวดละ 20 บาทก็จะเสียภาษี 1 บาท ส่วนค่าความหวาน ถ้าต่ำกว่า 6 กรัมต่อ 100 มล.ก็ไม่ต้องเสีย แต่ถ้าสูงกว่าก็ต้องเสีย เช่น หวาน 6-8 กรัมต่อ 100 มล.เสีย 10 สตางค์ เป็นต้น สำหรับผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้ 100% ไม่ต้องเสียภาษีฯเพิ่ม เพราะเป็นสินค้าที่ได้รับการยกเว้น
# สำหรับอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์ อัตราใหม่จะลดลง เช่น รถยนต์เคยเสียภาษีฯ 30% ก็จะลดลงเป็น 23%เป็นต้น
# ผลกระทบ : เป็นผลลบต่อธุรกิจเครื่องดื่มประเภทชา กาแฟ ชาเขียว ที่จะมีต้นทุนภาษีเพิ่มทั้งในส่วนภาษีสรรพสามิตและอาจมีภาษีค่าความหวานด้วย ซึ่งบริษัทอาจส่งผ่านภาระที่เพิ่มไปยังผู้บริโภคได้แต่เชื่อว่าจะไม่ทั้งหมด เพราะการแข่งขันในธุรกิจเหล่านี้สูงมาก หุ้นที่ได้รับผลกระทบ เช่น OISHI, ICHI เป็นต้น ส่วนธุรกิจน้ำผลไม้ 100% ไม่กระทบ อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการอย่าง TIPCO, MALEE ก็มีน้ำผลไม้และเครื่องดื่มประเภทอื่นๆ ที่อาจต้องเสียภาษีความหวาน โดยทาง MALEE ประเมินว่าจะไม่เกิน 10 ล้านบาท/ปี (คิดเป็น 2.6% ของกำไรสุทธิต่อปี-เฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี) และบริษัทจะปรับตัวด้วยการลดค่าการตลาดลงเพื่อมาชดเชยกับค่าภาษีความหวานที่ เพิ่มขึ้น ทำให้ผลกระทบส่วนนี้จะน้อยมาก
• การเมืองไทย : ออกหมายจับคุณยิ่งลักษณ์ และเลื่อนการอ่านคำพิพากษาจำนำข้าวไปเป็น 27 ก.ย.60
# เมื่อวันที่ 25 ส.ค.60 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอนุมัติการออกหมายจับ น.ส.ยิ่งลักษ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังไม่มารับฟังคำพิพากษาคดีทุจริตรับจำนำข้าว และส่งทนายความมาแจ้งว่าป่วยเป็นน้ำในหูไม่เท่ากัน โดยไม่มีใบรับรองแพทย์ ศาลฯเห็นว่ามีพฤติกรรมหลบหนีคดี และศาลฯเลื่อนการอ่านคำพิพากษาไปเป็น 27 ก.ย.60 โดยในวันนั้นหากจำเลยฯไม่มา ศาลฯก็สามารถอ่านคำพิพากษาลับหลังได้ และหากตัดสินว่าผิดแล้วต้องการอุทธรณ์ ทางน.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องเข้ามายื่นอุทธรณ์ด้วยตนเอง
# สำหรับกรณีซื้อขายข้าวแบบจีทูจี ศาลมีคำพิพากษาให้นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ ถูกจำคุก 42 ปี ส่วนพวกที่ร่วมดำเนินการต้องรับโทษ ประกอบด้วย นายภูมิ สาระผล อดีตรมช.พาณิชย์ จำคุก 36 ปี, นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ จำคุก 40 ปี, นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ จำคุก 32 ปี, นายอัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศจำคุก 24 ปี และนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ 'เสี่ยเปี๋ยง' จำคุก 48 ปี
ข่าวเด่น