Market summary
เมื่อวานที่ ผ่านมา SET พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 30 เดือนที่ระดับ 1,617 จุด เกิดจากการผลักดันหุ้น Big cap เกือบทุกตัวในตลาดนำโดย AOT, SCC, PTT, CPN และ SCB โดยฝรั่งกลับมาซื้ออย่างมีนัยยะอีกครั้งในรอบ สัปดาห์ ส่งผลให้ SET ปิดในระดับ 1,614 จุดด้วยมูลค่าการซื้อขายสูงสุดในรอบ 10 เดือนที่ 9.5 หมื่นล้านบาท (มี Biglot BJC สูงกว่า 5.8 พันล้านบาท)
นักลงทุนชาติ พลิกกลับมาซื้อหุ้นไทยอีกครั้งสูงกว่า 4,821 ลบ. แต่กลับมา Short สุทธิ SET50 Index Future ต่อเนื่องสูงถึง 55,620 สัญญา
Investment theme
SET ปรับตัวขึ้นจากความ Laggard และการผ่อนคลายของการเมือง : 2 วันที่ผ่านมา SET ปรับตัวขึ้นมากถึง 40 จุด ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาก ความผลลัพธ์ของการตัดสินคดีจำนำข้าว ซึ่งถือเป็นทางออกที่เรามองว่าดีต่อตลาดหุ้น (มีคนผิด และยังไม่มีความเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมือง) ประกอบกับ SET ค่อนข้าง Laggard กลุ่มอย่าง MSCI Asia Pacific กว่า 16% ซึ่งการซื้อด้วยมูลค่าสูงขนาดนี้ส่งผลให้หุ้นบางกลุ่มที่ Laggard อย่างค้าปลีกและธนาคารได้รับอานิสงส์ด้วย อย่างไรก็ตามเรามองว่าปัจจุบันหุ้น Big cap บางตัวเริ่มมี Upside จำกัดนำโดยกลุ่มพลังงาน และ ICT ทำให้เรามองว่าในระยะสั้นตลาดน่าจะเริ่มแกว่งตัวบริเวณ 1,600-1,620 และเกิด Selective buy ในหุ้น Smidcap ที่ยัง laggard
Investment theme: กลยุทธ์ช่วงนี้เราแนะนำ Go with the flow และมองว่าหุ้นขนาดใหญ่ จะเริ่มพักฐาน โดยเราแนะนำให้นักลงทุนเริ่ม Switch จากหุ้นใหญ่ มายังหุ้นขนาดกลาง-เล็ก อย่าง EA, INGRS, GPSC, SUPER, MONO และ BCH โดยยังคงแนะนำ Let profit run หุ้นกลุ่ม 5 โรงต่อ
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา ครม.เห็นชอบบัตรสวัสดิการแห่งรัฐช่วยเหลือผู้มีรายได้ร้อยกว่า 11 ล้านคน คาดเริ่มใช้ 1 ต.ค. / ครม.เห็นชอบระบบตั๋วร่วม คาดเริ่มต้นด้วยรถไฟฟ้า 4 สายหลักของประเทศ (เขียว, น้ำเงิน, ม่วงและ Airport raillink )
ติดตามบทวิเคราะห์ Thematic Strategy report
บทวิเคราะห์วันนี้ AH
Opp.day วันนี้ XO, BIZ, ASEFA, PTG , K, AMATAV, AMATA
Stock pick : CPALL
CPALL ซื้อสะสม @ THB 68.0
เมื่อวานที่ผ่านมาครม.เห็นชอบแจกบัตรสวัสดิการคนกำลังซื้อต่ำกว่า 11 ล้านคน ทั้งเรื่องการเดินทาง (คนละ 500 บาท / เดือน) และครัวเรือน (300 บาท/เดือน) ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งมาตราการกระตุ้นการบริโภคในประเทศโดยตรง ซึ่งปัจจุบันค่าใช้จ่ายต่อบิล ของร้าน 7-11 อยู่เวณ 65-70 บาท ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับใกล้เคียงกับวงเงินของมาตรการ คาดได้รับผลบวกทางอ้อมจากประเด็นดังกล่าว
ราคาหุ้นค่อนข้าง Laggard ทั้ง SET, SET50 และกลุ่ม Commerce ที่2 วันนี้ปรับตัวขึ้นเด่นอย่างมีนัยยะ ในขณะที่คาดผลประกอบจะเติบโจดีในช่วง 4Q60 จากทั้งการขยายสาขา และ SSSG (%) ที่เริ่มฟื้นตัว ในขณะที่มี Upside ของ การขยายตัวของ margin ส่งผลให้คาดกำไรปี 2560 เติบโต 16% YoY
Trading idea – 3 หุ้นเด่นสัปดาห์นี้ คือ BEM, CKP, TU / เรามองว่า PTTGC, IVL จะได้ประโยชน์ทางอ้อมจากพายุ Harvey ในเรื่องปิโตรเคมี (พรุ่งนี้ PTTGC ขึ้นเครื่องหมาย XD 1.75บาท/หุ้น คิดเป็น 2.2% )
Technical View
ทดสอบแนวต้าน Triple Top : ดัชนีผ่านแนวต้านกรอบสามเหลี่ยมด้วยแท่งเทียนเขียวเต็มแท่ง แสดงถึงแรงซื้อที่ชนะแรงขายได้อย่างชัดเจน ขณะนี้ดัชนีกำลังปะทะแนวต้านของรูปแบบ Triple Top บริเวณ 1620 และ 1650 แต่จากการที่ดัชนีผ่านแนวต้านสามเหลี่ยมได้อย่างเด็ดขาด ระยะกลางจึงโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 1620 และ 1650 ตามลำดับ แต่ระยะสั้นอาจมีการย่อตัวสลับการปรับตัวขึ้น มองแนวรับที่ 1600 และ 1590 กลยุทธ์การลงทุน (1) Let Profit Run และทยอยขายทำกำไรโซนแนวต้าน (2) หากหลุด 1600 ทยอย Lock Profit ครึ่งหนึ่ง
แนวรับ : 1590, 1600 แนวต้าน : 1620, 1650
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : จับตาความคืบหน้าของแผนการลดภาษีสหรัฐ / การรายงาน GDP ไตรมาส 2 และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันพุธที่ 30 ส.ค. / ยุโรปรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ ในวันพฤหัสที่ 31 ส.ค.ปัจจัยในประเทศ : งาน Thailand Focus เริ่มวันนี้ มีบริษัทฯเข้าร่วมกว่า 150 บริษัทฯ คาดมี Fund manager กว่า 120 คนเข้าร่วม
หุ้นเทคนิค:
CPALL (B 61.00, Tp 62.25//63.50, Cut 60.00)
CPF (B 26.00, Tp 27.25//28.50, Cut 25.50)
ข่าวเด่น