เกิดอะไรขึ้นวันก่อน: Trading Range: 1,620-1,650
แรงขายใกล้แนวต้าน 1,650 จุด ส่งผล SET ลดช่วงบวกที่ 1,635.61 จุด +0.18% ปริมาณการซื้อขาย 7.7 หมื่นล้าน ต่างชาติซื้อ 1.6 พันล้านบาท
เรามองอย่างไร:
SET ทดสอบเป้าหมายระยะสั้นใกล้ 1,650 จุด ปลายสัปดาห์ก่อน คาดว่าจะเริ่มเห็นแรงเหวี่ยงเพิ่มขึ้นสัปดาห์นี้จากการปรับพอร์ตของ FTSE ปลายสัปดาห์ ประเมินแนวรับ 1,625-1,630 จุด และเป็นโอกาส "ซื้อ" มอง downside risk ตลาดจำกัดจาก 1) เศรษฐกิจเร่งตัว กำไร SET ทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง 2) valuation ที่ PE18 14.3x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 16x และแนวโน้มดอกเบี้ยต่ำส่งผล earnings yield gap น่าสนใจที่ 4.6% และ 3) คาดมีแรงซื้อกองทุน LTF ปลายปีหนุนอีก 3-4 หมื่นล้านบาท
ทำอะไรดี:
SET อาจเริ่มแกว่งตัวเพิ่มขึ้น หลังทดสอบแนวต้าน 1,650 จุดไปแล้วสัปดาห์ก่อน แนะนำ "ซื้อ"
1. กลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ที่ยัง laggard อยู่ อย่าง CPALL (ราคาหุ้น Breakout แนวต้าน 65/67.5 ขณะที่ Same Store Sale 3Q17 มีแนวโน้มฟื้นตัว) และ MINT (กำลังเข้าสู่ช่วง high season)
2."ซื้อ" PTT (TP 450) ปรับกำไรขึ้น 5-6% จากเดิมมองธุรกิจโรงกลั่นแข็งแกร่ง, ธุรกิจก๊าซมีแนวโน้มดีขึ้นในระยะยาวหลังลอยตัวราคา LGP ในประเทศ และ unlock มูลค่าธุรกิจค้าปลีกผ่านการนำ PTTOR เข้าตลาด, PE18 ที่ 9.8x "ไม่แพง" และให้ผลตอบแทนปันผลมากกว่า 5%
Tactical Portfolio (1-3 months): (หน้า 2)
"ถือ" AMATA BEAUTY EA ESSO KBANK KKP PTT SAWAD STEC และ WHA ต่อไป (ไม่เปลียนแปลง)... Tactical Portfolio ให้ผลตอบแทน +2.1% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา สูงกว่า SET ที่ให้ผลตอบแทน +1.1% โดยกลุ่มหุ้นที่แนะนำ "เพิ่ม" เข้าพอร์ตเมื่อวันที่ 5 ก.ย.อย่าง WHA และ AMATA ให้ผลตอบแทนสูง 6.4% และ 6.3% ตามลำดับ
Fundamental:(หน้า 5)
PTT : "ซื้อ" พื้นฐาน 450 บาท (เดิม 350 บาท).Upgrade เป็น "ซื้อ" โดยปรับเป้าหมายพื้นฐานขึ้นเป็น 450 บาท และปรับกำไรขึ้นจากเดิม 5-6% ในปี 2017-19 จาก 1) กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นแข็งแกร่งกว่าที่คาด (ดูเพิ่มในรายงานกลุ่มโรงกลั่น "Coast is clear" วันที่ 4 ก.ย.) 2) ธุรกิจก๊าซมีแนวโน้มดีขึ้นในระยะยาว หลังมีการลอยตัวราคา LPG ในประเทศ และ 3) การ unlock มูลค่าธุรกิจค้าปลีก ผ่านการนำ PTTOR เข้าตลาดในช่วง 2H18 หรืออย่างช้า 1H19
Today's News:
FTSE Rebalance: การปรับพอร์ตโดยเพิ่ม EA และ WORK เข้าดัชนี FTSE วันที่ 15 ก.ย.นี คาดว่าจะเห็นการ "ปรับพอร์ต" หุ้นขนาดใหญ่ ประกอบกับ SET ทดสอบแนวต้าน 1,650 จุด เร็วไปทำให้คาดว่าจะเห็นการ "แกว่งตัว" ตามมา
Technical Story: Technical SET range: 1,628-1,652
เข้าเขตด่าน Cycle ที่ยังลุ้นต่อได้:(รายงาน The Technical Story)
SET ขึ้นมาในเขตด่าน Cycle วันนี้ แนะนำแบ่งทำกำไรบ้างเมื่อ SET เข้าเขตด่าน 1,650-60 จุด เพื่อรอรับคืน มีแนวรับที่ 1,628-30 จุด ส่วนด่านมีที่ 1,640 จุด ทะลุได้มีลุ้นกลับไปที่ 1,647 และ/หรือ 1,652 จุด
หุ้นแนะนำ:
LST เข้าซื้อ เป้าหมาย 8.65 / 8.95 บาท
BJC เข้าซื้อ ลุ้นฝ่าด่าน 52 บาท เป้าหมาย 56 บาท
TOP ซื้อเพิ่ม เป้าหมาย 95 / 99 บาท
Derivatives Recommendation:(ดูรายงาน The Derivatives Story)
"ถือ" Long S50U17 เป้าหมาย 1,068 จุด...Trailing Stop 1,030 จุด
"Long" BlockTrade MINT เป้าหมาย 42.50 บาท...Leverage 14x
TradeCode: Buy >CPALL, PTT, ROBINS
Tactical Portfolio (1-3 เดือน)
Tactical Portfolio : Tactical Portfolio ให้ผลตอบแทน +2.1% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา สูงกว่า SET ที่ให้ผลตอบแทน +1.1% โดยกลุ่มหุ้นที่แนะนำ "เพิ่ม" เข้าพอร์ตเมื่อวันที่ 5 ก.ย.อย่าง WHA และ AMATA ให้ผลตอบแทนสูง 6.4% และ 6.3% ตามลำดับ ขณะที่ EA ให้ผลตอบแทน 4.3% w-w จากแนวโน้มผลการดำเนินงาน 3Q17 เติบโตสูงจากกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมหาดกังหัน 126MW ผลิตไฟฟ้าครบทั้ง 3 เฟส รวมไปถึงมีประเด็นจากการที่ FTSE เพิ่มหุ้นเข้าพอร์ตวันที่ 15 ก.ย.นี้ด้วย...ทั้งนี้เราแนะนำ "ถือ" หุ้นทั้ง 10 ตัวต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อน ได้แก่ AMATA BEAUTY EA ESSO KBANK KKP PTT SAWAD STEC และ WHA
WHA ("ซื้อ" TP 4.0 บาท) ราคาหุ้นทำลายแนวต้าน 3.20 บาทไปในสัปดาห์ก่อน และมีแนวโน้ม Outperform ตลาด แนะนำ "ซื้อ" จาก 1) ราคาหุ้น +14% YTD ยัง laggard AMATA +76% 2) ยอดขายที่ดินเร่งตัวขึ้นใน 2H17 3) การขายสินทรัพย์ 3-4 พันล้านบาท เข้ากองทุน REIT ใน 4Q17 4) WHAUP มีกำไรเพิ่มขึ้นจากกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น 5) Debt to Equity ดีขึ้นเหลือ 1.1x สิ้นปีนี้ มีความพร้อมจ่ายปันผลเร่งขึ้น 6) ภาครัฐฯ จะพิจารณากฎหมาย EEC ภายใน 1-2 เดือนข้างหน้า
Siam Senses Portfolio (6-12 เดือน)
หุ้นใน Siam Senses Portfolio
- AMATA : ผู้พัฒนานิคมที่จะได้รับประโยชน์โดยตรงและมากที่สุดจากโครงการ EECทั้งในแง่ของมูลค่าที่ดินและยอดขายที่สูงขึ้น และได้ประโยชน์จาก FDI เวียดนามที่แข็งแกร่งผ่านบริษัทย่อย AMATAV (ถือหุ้น 73%)
- BEAUTY: เป็นหุ้น growth stock ที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง และได้ market share ที่สูงขึ้น
- DELTA : เรามองภาพ turnaround ปีนี้จากธุรกิจยานยนต์ที่จะเติบโตโดดเด่น และธุรกิจเก่าที่ชะลอตัวเริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น
- DTAC : มูลค่าถูก ปลดล็อคความเสี่ยงสัมปทาน และความสามารถในการทำกำไร
- EA : เป็นหุ้น growth stock ยังโตสูงต่อเนื่องถึงปี 2019 จากสัญญาในมือที่จะทยอยดำเนินการ และมีโอกาสโตมหาศาลต่อเนื่องจาการขยายธุรกิจสู่แบตเตอรี่เก็บกักพลังงานซึ่งเป็นแนวโน้มของการพัฒนาอุตสาหกรรมไฟฟ้า
- KCE : ฐานธุรกิจกลุ่มรถยนต์ที่มั่นคง เติบโตจากการขยายโรงงานและ market share ที่มากขึ้น
- KKP : หุ้นปันผลสูง เติบโตมั่นคง ได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยต่ำ
- MINT : ธุรกิจโรงแรมและอาหารมีการฟื้นตัวและขยายตัวอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ
- STEC : ด้วยมูลค่างานในมือ 1 แสนล้านบาท คาดว่ากำไรจะเติบโต 45% ปี 2017 และ 41% ปี 2018
- WORK : ด้วยรายการดิจิตอลทีวีที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนไปยังทีวีเรตติ้งสูงขึ้น ทำให้ WORK ปรับราคาขายนาทีโฆษณาได้อย่างต่อเนื่อง
ข่าวเด่น