Market summary
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาตลาดค่อนข้างผันผวน โดยมีแรงเก็งกำไรในหุ้นขนาดใหญ่โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร (KBANK,SCB) อย่างไรก็ตามในช่วงบ่ายเกิดแรงขายทำกำไรภายหลัง SET ปรับตัวเข้าใกล้แนวต้านสำคัญบริเวณ 1,650 จุด ประกอบกับนักลงทุนบางส่วนเลือกที่จะลดสัดส่วนการถือครองหุ้นเพื่อรอดูสถานการณ์เกาหลีเหนือในวันเสาร์ที่ 9 ก.ย. ส่งผลให้ณ. สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,635 จุด (+2.9จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายสูงถึง 7.6 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนชาติ ซื้อหุ้นไทยต่อเนื่องที่ 1,585 ลบ. / ในขณะที่ Short สุทธิ SET50 Index Future ต่อเนื่องถึงที่ 17,147 สัญญา
Investment theme
Senitiment ยังบวก แต่พื้นฐานและเทคนิคอาจต้องพัก : ภายหลัง SET ปรับตัวขึ้นกว่า 60 จุด ใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จาก Sentiment ของคดีจำนำข้าวและความ Laggard ของ SET เมื่อเทียบกับกลุ่ม พร้อมทั้งดัชนี ADXY ยังคงปรับตัวขึ้นทดสอบระดับสูงสุดในรอบ 23 เดือนที่ 108.9 ในเชิงพื้นฐาน เราเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจแบบอ่อนๆ เช่นการฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชน และภาคการผลิต แต่อย่างไรก็ตามการบริโภคซึ่งคิดเป็นสัดส่วนสูงกว่า 55-60% ของ GDP อาจยังต้องใช้เวลา ( ทั้งจากกลุ่มกำลังซื้อต่ำและ SME) และล่าสุดนักวิเคราะห์กลับมาปรับประมาณการ EPS ของ SET ลงอีกครั้งเหลือ 100.33 ซึ่งถือเป็นระดับต่ำที่สุดของปีนี้ ( ในขณะที่ EPS 12 เดือนข้างหน้ายังคงอยู่ในระดับ 107+/- ) ในเชิงของเทคนิคเกิดสัญญาณ Overbought และแท่งเทียนในกราฟรายวัน แสดงสัญญาณขายทำกำไรในระยะสั้น ส่งผลให้เรามองว่าในสัปดาห์นี้ SET มีโอกาสแกว่งออกข้าง เพื่อปรับฐานในระยะสั้น
Investment theme: สัปดาห์นี้เราคาด SET แกว่งตัวในกรอบ 1,625-1,645 ในขณะที่อยากให้นักลงทุนจับตาสถานะ Short สุทธิของฝรั่งกลับมาสูงอีกครั้งกว่า 1.0 แสนสัญญา ใน 9 วันทำการที่ผ่านมา
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา จับตาผลกระทบพายุ Irma / สส.สหรัฐอนุมัติการขยายเพดานหนี้ และอนุมัติงบชั่วคราว เพิ่ม 3 เดือนไปจนถึง 8
ธ.ค. / Dollar index ทำระดับต่ำสุดในรอบ 32 เดือนที่ 91.3 / จีนรายงาน PPI สูงสุดในรอบ 4 เดือนที่ 6.3% / Brent ปรับตัวลงที่ 53.78 เหรียญ/บาร์เรล / BDI บวกต่อ 36จุด ที่ 1,332 / จับตาคลังให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สนง.) ออกมาตราการชะลอการแข็งค่าของเงินบาท / ผู้ใช้แรงงานในประเทศรวมกลุ่มขอปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 700 บาท/วัน
สัปดาห์นี้ TPIPP(0.10), BCP(1.05), KBANK (0.50), BDMS (0.13) BANPU(0.30) ขึ้นเครื่องหมาย XD
KOOL, III เข้าเกณฑ์ Cash Balance
Stock pick : SUPER
SUPER เริ่มต้นคำแนะนำซื้อเก็งกำไร @1.42 บาท
ราคาปัจจุบันยังไม่สะท้อน จำนวน mw ในมือกว่า 762 mw สูงที่สุดในประเทศ สร้าง EBITDA ปีละกว่า 5.8 พันล้านบาท และหากนับในเชิง Market cap / operating Equity mw คิดเป็น 72 ลบ/mw ถือว่ามี Discount จากกลุ่ม 12% ในขณะราคาปัจจุบันคิดเป็น PER17 ที่21.9x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยกดลุ่มพลังงานทดแทน 4%
ในขณะที่ฐานะทางการเงินเริ่มดีขึ้น โดยคาด D/E ปีหน้าลดลงเหลือ1.7x จากปัจจุบันที่ 2.3x
Upside ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณการ คือ การขายโครงการประมาณ 100-120 mw เข้ากองทุน เพื่อนำเงินไปลงทุนในโครงการลมที่เวียดนาม (เซ็น MOA แล้ว)
Trading idea – เก็งกำไร CPALL (68.0) / คาดราคาหุ้นกลุ่มอสังหาจะฟื้นตัวตามกลุ่มค้าปลีก, ธนาคาร โดยเราแนะนำ SPALI (ซื้อเอา Warrrant) และ LPN (ทยอยสะสมช่วงงบไตรมาส 3) /เก็งกำไร CENTEL(40.00-42.00)
Technical View
Shooting Star? : ดัชนีปรับตัวขึ้นปะทะบริเวณ 1650+/- (High ของปี 2013) จากนั้นอ่อนตัวลงทันที ทำให้กราฟแท่งเทียนรายวันเกิดรูปแบบกลับตัวลงในระยะสั้นแบบ Shooting Star ประกอบกับ Modified Stochastic ที่เริ่มตัดเส้นค่าเฉลี่ยลงในเขต Overbought จึงทำให้คาดว่าในสัปดาห์นี้ดัชนีจะแกว่งพักตัวในกรอบ 1620-1640 สำหรับภายในวันคาดจะแกว่ง Sideway Down ลงทดสอบแนวรับ 1625
กลยุทธ์การลงุทน (1) นักลงทุนที่มีหุ้น หากดัชนีหลุด 1625 แนะนำ ทยอย Lock Profit (2) นักลงทุนที่ไม่มีหุ้น จังหวะอ่อนตัวสู่แนวรับ 1625 อาจใช้เป็นจังหวะเล่น Rebound ในระยะสั้น
แนวรับ : 1620, 1625 แนวต้าน : 1640, 1647
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : 12 ก.ย. จับตา APPLE เปิดตัว Iphone8 / จับตาความคืบหน้าของแผนการลดภาษีสหรัฐ / 13 ก.ย. สหรัฐรายงานตัวเลข PPI และตัวลขเงินเฟ้อในวันที่ 14ก.ย.
ปัจจัยในประเทศ : จับตาบอร์ด EEC พิจารณา 101โครงการ ก่อนส่งเข้าครม.ในช่วงปลายเดือน / เพิ่ม EA, WORK เข้าดัชนี FSTE มีผล 15 ก.ย.
หุ้นเทคนิค:
CPALL (B 62.00, Tp 65.00, Cut 61.00)
ADVANC (B 190.00, Tp 195.00//197.00, Cut 188.00)
ข่าวเด่น