Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET แกว่งตัวในกรอบแคบ โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย มีแรงเก็งกำไรเด่นในกลุ่ม Leasing นำโดย SAWAD, GCAP และหุ้นขนาดเล็กและกลางหลายตัวเช่น PSL, BCPG,GGC และ SQ ในขณะที่ GPSC, PLAT ทำ All time high ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามกลุ่มธนาคารยังคงมีแรงขายต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 (KBANK, BBL, SCB) โดย ณ สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,670 จุด (-0.1 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 5.4 หมื่นล้านบาท ลดลงจากวันก่อนหน้าที่ 6.2 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนชาติกลับมาซื้อหุ้นไทยเล็กน้อยที่ 144 ลบ. และกลับมา Long สุทธิ SET50 Index Future ต่อเนื่องที่ 9,553 สัญญา
Investment theme
หุ้นใหญ่เริ่มพักฐาน ในขณะที่หุ้นขนาดกลาง-เล็กเด่น : ตลาดปรับตัวขึ้นกว่า 100 จุด (+6.3%) ใน 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาสูงที่สุดในภูมิภาค โดยเป็นการซื้อของนักลงทุนต่างประเทศและ Prop trade รวมกันกว่า 3.0 หมื่นล้านบาท ซึ่งเราคาดเม็ดเงินบางส่วนของนักลงทุนต่างประเทศเป็นการ Swiitch ออกจากตลาดเอเชียเหนืออย่างเกาหลีใต้ (MTD –420 ล้านเหรียญสหรัฐ) ไต้หวัน (MTD –1,100 ล้านเหรียญสหรัฐ) อย่างไรก็ตามเราแนะนำให้นักลงทุนติตตามความคืบหน้าของแผนการลดภาษีของสหรัฐ ภายหลังสมาชิกสภาสูง (GOP) ของสหรัฐระบุสัปดาห์หน้าจะมีความคืบหน้า ประกอบกับภายหลัง Yellen แถลงในการประชุม FOMC เมื่อวานที่ผ่านมา ล่าสุด Bloomberg ปรับโอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมเพิ่มเป็น 62% (จาก 49%) ในขณะที่ Dollar index เริ่มกลับมาแข็งค่าอีกครั้งที่ 92.5 เป็นปัจจัยทางอ้อมกดดันการลงทุนในภูมิภาค ส่งผลให้เรามองว่าหุ้นใหญ่มีโอกาสเริ่มพักฐาน และเราแนะนำเก็งกำไรในหุ้นขนาดกลาง-เล็ก (Selective buy) พร้อมมีจุด Take profit และ Cut loss ที่ชัดเจน
Investment theme : เราแนะนำชะลอแรงเก็งกำไรกลุ่มธนาคาร และ Switch เข้ามายังกลุ่มอสังหา อย่าง LH (Proxy ของฝรั่ง), SPALI (รับรู้รายได้จาก Backlog ในช่วงครึ่งปีหลังกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท) และกลุ่มก่อสร้าง ซึ่งเป็นอีกกลุ่มที่ laggard SET มาก (CK)
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา ส.อ.ท. เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนสิงหาคมปรับเพิ่มขึ้นที่ 85.0 (เป็นการปรับเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน) / พาณิชย์รายงานตัวเลขส่งออกเดือนสิงหาคมเติบโต 13.2% สูงสุดในรอบ 55 เดือน (รวม 8 เดือน เติบโต 8.9%) โดยสินค้าที่เติบโตเด่นคือยางพารา / S&P หั่นอันดับความน่าเชื่อถือของจีนสู่ A+ (จาก AA-) /
คาด NOK เข้าเกณฑ์ Cash balance
บทวิเคราะห์วันนี้ : SCC
SUPER-W4 เข้าซื้อขายวันนี้
Stock pick : ECL
ECL: ทยอยสะสม 5.00 บาท
ECL ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์มือสอง (รถยนต์และ Big Bike)
Upside risk ที่ยังไม่รวมในประมาณการ คือ (1) Cost saving (ต้นทุนการเงินที่ต่ำกว่า) จากการได้มาซึ่งพันธมิตรญี่ปุ่น (PFS) ซึ่งได้ผลักดันให้เกิดธุรกิจใหม่ (2) คือ การรับประกันชิ้นส่วนรถยนต์มือ 2 ที่ลูกค้าซื้อ (เป็นเจ้าแรกของไทย) และธุรกิจศูนย์ซ่อมรถครบวงจร ซึ่งจะสามารถปิดจุดอ่อนของธุรกิจได้เป็นครั้งแรกของอุตสาหกรรม เริ่มเห็นผล 4Q60
คาดกำไรปี 2560-62 เฉลี่ยเติบโตสูงกว่า 60% เป็น 272 ล้านบาท และ 354 ล้านบาท ตามลำดับ เราเริ่มต้นคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเหมาะสม 5.00 บาท/ หุ้น อิงวิธี GGM (ROE 13.8%, COE 8.2%, LTG 5.0%) ได้ PBV 2.8X หรือคิดเป็น PER 61 ที่ 15X (Implied PEG 0.7x)
Trading idea – เก็งกำไร PM (ผู้บริหารเผยแผนกลยุทธ์ส่งออก Taro ไปจีน) / เก็งกำไร CPN จากประเด็นการได้รับเงินประกัน 3.5 พันล้านบาท จากคดีเพลิงไหม้ central world (77.0) ประกอบกับได้เงินสดจากการขายสินทรัพย์เข้า CPNREIT ส่งผลให้ มีโอกาสปันผลพิเศษ/สะสมกลุ่ม รฟฟ. ชีวมวล TPCH (20.00) PSTC (non rate) รับกระแสประมูล SPP Hybrid ต้น ต.ค.
Technical View
ใช้ 1665 เป็นจุดบอกแนวโน้มระยะสั้น: ในช่วงเช้าดัชนีปรับตัวขึ้นปะทะแนวต้าน 1675 แล้วเริ่มอ่อนตัวลงในตอนบ่าย ระยะสั้นมองว่ามีโอกาสอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับ 1665 เราให้พิจารณาแนวรับดังกล่าวเป็นตัวบอกแนวโน้มในระยะสั้น หากหลุดแนวรับดังกล่าวมีโอกาสปรับตัวลงทดสอบแนวรับถัดไปที่ 1650 แต่หากไม่หลุด ดัชนีจะมีโอกาส Rebound ขึ้นปะทะแนวต้านที่ 1675 และ 1680 ตามลำดับ กลยุทธ์การลงุทน (1) พิจารณาแนวรับ 1665 หากปรับตัวลงแล้วมีแรงซื้อเด่นชัด มีโอกาส Rebound มองแนวต้าน 1675, 1680 (2) หากหลุด 1665 แนะนำ ลดพอร์ตการลงทุนระยะสั้น มองแนวรับถัดไปที่ 1650
แนวรับ : 1665, 1650 แนวต้าน : 1675, 1680
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : จับตาการเลือกตั้งเยอรมันในวันอาทิตย์
ปัจจัยในประเทศ : จับตาการประชุมกนง.วันที่ 27 ก.ย. / จับตาผลกระทบพรบ.จัดซื้อจัดจ้าง ที่ประกาศเริ่มใช้แล้ว
หุ้นเทคนิค:
AOT (B 58.00, Tp 61.00, Cut 57.00)
SCC (B 500.00, Tp 520.00, Cut 496.00)
ข่าวเด่น