“Defensive Play”
CNS Daily Strategy : คาดตลาด “ย่อ” แนวต้าน 1673/1675จุด แนวรับ 1663/1656จุด ตัวเลขส่งออกเดือนสค. +13.2% สูงสุดในรอบ 55 เดือน บ่งชี้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัว หนุนสินทรัพย์เสี่ยง แต่อย่างไรก็ดีความไม่แน่นอนของนโยบายการเงินไทย 27 กย นี้ ที่มีแรงกดดันจากกระทรวงการคลังต้องการให้ กนง ลดดอกเบี้ย เพื่อช่วยให้ค่าเงินบาทอ่อนค่า อาจหนุน Fund Flows ผันผวนระยะสั้น เพิ่มโอกาสที่ตลาดจะพักฐานได้ วันนี้จึงแนะนำ “Defensive Play” : BDMS, PM, FN
Nomura : Key Factors
- (+) TH Econ : ตัวเลขส่งออกเดือนสค. +13.2% ดีกว่าคาดที่ 5% สูงสุดในรอบ 55เดือน
- (+) Fund Flow:ล่าสุดซื้อหุ้น +144ลบ, Long Future +9,553สัญญา,ซื้อBond +2,661ลบ
- (+) OIL: ราคาน้ำมันดิบวานนี้ WTI +0.28% สู่ $50.55/bbl / BRT +0.25% สู่ $56.43/bbl
- (+) OIL: สต๊อกน้ำมันเบนซินปรับตัวลง ทำจุดต่ำสุดในรอบ 22 เดือน
- (*) Ex Factor: สหรัฐฯและจีนเริ่มใช้มาตรการกีดกันทางการค้า เพื่อกดดันเกาหลีเหนือ
- (*) Central Bank: ผลการประชุม BOJ วานนี้มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิม
- (-) CH Econ : S&P ปรับลดเครดิตเรตติ้งลงสู่ A+ จาก AA- หลังความเสี่ยงสินเชื่อเพิ่มขึ้น
- Nomura Daily Top Picks: BDMS, PM, FN
Equity Daily Outlook : คาดดัชนีวันนี้ “ย่อ” ในกรอบแนวต้าน 1673/1675จุด แนวรับ 1663/1656จุด ตัวเลขส่งออกเดือนสค.ของไทย เติบโตกว่า +13.2% ดีกว่าคาดที่ 5% ซึ่งเป็นการเติบโตสูงสุดในรอบ 55 เดือน แรงหนุนหลักมาจากราคาสินค้าเกษตรที่ฟื้นตัวดี หนุนให้ตัวเลขส่งออกรวม 8 เดือนแรกของปี เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 8.9% สูงสุดในรอบ 6 ปี บ่งชี้ถึงเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวโดดเด่น หนุนสินทรัพย์เสี่ยงไทย ประกอบกับค่าเงินดอลล่าร์ที่เริ่มกลับมาอ่อนค่า หลังแข็งค่าสั้นๆ มาแรงรับถ้อยแถลงที่ Hawkish ของ FED ในวันก่อนหน้า หนุนให้นักลงทุนต่างชาติที่ชะลอการลงทุนในไทยช่วง 2-3วันที่ผ่านมา เริ่มกลับมาซื้อสุทธิอีกครั้ง แต่อย่างไรก็ดีปัจจัยหนุน ตลาดจะถูกถ่วงด้วย ความไม่แน่นอนของนโยบายทางการเงินของไทย หลังกระทรวงการคลังต้องการให้ธนาคารคารกลางแห่งประเทศไทยปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง เพื่อช่วยให้ค่าเงินบาทที่แข็งค่าไวอ่อนค่า ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันให้ค่าเงินบาทเริ่มอ่อนค่าสั้นๆ 33.11 บาท/ดอลล่าร์ จะเป็นตัวแปรกดดันให้ Fund Flows ช่วงนี้มีผันผวนได้ เพิ่มความเสี่ยงที่ตลาดจะปรับฐานในระยะสั้น โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร ที่อาจถูกกดดันจากความเสี่ยงการลดดอกเบี้ย ส่วนปัจจัยที่น่าติดตามวันนี้ คือ การประชุมนอกรอบของกลุ่ม OPEC เพื่อหารือในการขยายระยะเวลาในการลดกำลังการผลิต ก่อนการประชุมจริงในเดือนพย. เป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวต่อเนื่อง (WTI +0.28% สู่ $50.55/bbl / BRT +0.25% สู่ $56.43/bbl) หนุนกลุ่ม Energy ยังช่วยพยุงตลาด
Asset allocation : หุ้น 60% ทองคำ 12.5% ตลาดบอนด์ 5% และเงินสด 22.5%
Daily Strategy : 7 Theme เด่น วันนี้ เน้น “Defensive Play” เป็นหลัก
1. Tourism Play : นักท่องเที่ยวต่างชาติในเดือนส.ค. สูงสุดที่ 3.13 ล้านคน +8.66% y-y จากนักท่องเที่ยวจีน +10.3%y-y และตะวันออกกลาง +19.35%y-y หนุน MINT, ERW เด่น ส่วน UAE +47%y-y และ 3Q17TD +20%y-y บวกต่อ รพ ที่มีผู้ป่วยต่างชาตื BDMS, BH
2. วานนนี้ Initial Coverage BUY FN(TP7): ซื้อสะสมรอการเติบโตปี 2018 โดยราคาหุ้นลงมาตอบรับผลประกอบการ 3Q17 ที่คาดว่าจะออกมาต่ำสุดไปแล้ว ขณะที่จุดเด่น คือ 1) โมเดลธุรกิจแข็ง มี Net margin สูง และมี Recurring income มากขึ่นจากค่าเชา 2) โอกาสเติบโตยังสูงจากจำนวนสาขาน้อย ขณะที่สาขาใหม่คืนทุนได้ไว 3) คาดกำไรจะกลับมาเติบโตแรงปี 2018F +50% และ CAGR 3 ปีเฉลี่ยปีละ 30%
3. Auto Play : ยอดส่งออกรถยนต์เดือนส.ค.17 สูงสุดในรอบ 14 เดือน แตะระดับ 102.9 แสนคัน เพิ่มขึ้น +9.3% จากกำลังซื้อที่เริ่มกลับมาจากโซนตะวันออกกลาง +NYT(ต้าน6.05/6.2), SNC(ต้าน 15.2/15.6), AH(ต้าน26/27), SAT(ต้าน 18/18.4 ตัดขาดทุน 16.9)
4. Small Cap ที่พื้นฐานดี + ภาพเทคนิคสวย JUBILE(กำลังซื้อฟื้น+ยอดขายคิตตี้เติบโตเด่น ต้าน 23.4/24), PM(คาดกำไร 3Q17 โดดเด่น ต้าน 12.5/13)
5. Investment Related : ครม อนุมัติ EEC กลุ่มนิคม(AMATA, WHA, NYT, ROJNA) อสังหาริมทรัพย์(SIRI, SPALI, AP, LH) และรับเหมาฯ(ITD, CK, SCC)
6. Tax Reform : สหรัฐฯจะเผยกรอบเวลาในการปฏิรูปภาษีในวันที่ 25 กย.นี้ บวกต่อ IVL
7. สศก. คาด Farm Income ในปี 2560-61 เพิ่ม หนุน ROBINS, CPALL, BJC, HMPRO
*Take Profit from Stock Monitors : IRPC (+38%), HMPRO(+14%), BBL(+16%), WHA(+24%),SPA (+14%), ANAN(+13%), PTTGC(+14%), KBANK(+11%)
Investment Theme:
· 3Q17 Top Picks: ADVANC, AMATA, BJC, BLAND, CK, ERW, MONO
Low Base Effects: ท่องเที่ยว (MINT, ERW), สื่อ (PLANB, MONO, BEC), ค้าปลีก (BJC, ROBINS), สื่อสาร (ADVANC, INTUCH)
Momenturm Play: ปิโตร (IVL, IRPC), รับเหมาและวัสดุก่อสร้าง (CK, SCC), นิคมฯ (AMATA, ROJNA), อสังหา (BLAND, SIRI)
Fundamental & Tactical Daily Top Picks :
BDMS (TP18F 23.2*): Support: 20.5/20.0 Resistant: 21.5/22.0
- Theme : Laggard Play
- Earnings Outlook : ยังมีความสามารถในการแข่งขันในระดับสูง จากชื่อเสียงจึงสามารถดึงดูดทั้งลูกค้าระดับบนและแพทย์มือดี รวมถึง ได้ประโยชน์เรื่อง Economy of scale เป้าหมายจำนวนโรงพยาบาล 50 แห่งใน 3 ปี เทียบปัจจุบัน 45 แห่ง พร้อมๆกับ การเริ่มขยายเชิงลึก ไปสู่ศุนย์เฉพาะทาง, กลุ่ม Wellness (ป้องกันก่อนเกิดโรค) รับ Aging society หนุนการเติบโตระยะยาว สำหรับ กำไรระยะสั้น คาดเป็นจุด peak ที่ 2.2 พันลบ. (+1% y-y, +38% q-q) จากฝนมาไว และผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขึ้น ลดความกังวลของตลาดก่อนหน้านี้
- Valuation : ในภาวะตลาดเริ่มพักตัว มองหุ้น Big cap + Defensive อย่าง BDMS ยังน่าสนใจและยัง Laggard BH มาก โดยมี PER 18F ที่ 40 เท่า ยังใกล้เคียงกลุ่มฯ
- Catalyst : เข้าสู่ช่วงฤดูกาลงวด 3Q17F + ผู้ป่วยกลุ่มตะวันออกกลางโดยเฉพาะ UAE ที่ยังเดินทางเข้าไทยต่อเนื่อง โดยเดือนล่าสุดส.ค. นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เพิ่มถึง 46% y-y เร่งตัวขึ้นจากก.ค. ที่เพิ่ม 5% y-y ช่วยลดความกังวลของตลาดลง ซึ่ง BDMS มีสัดส่วนผู้ป่วยกลุ่มตะวันออกกลาง 3.8%
PM (TP18F 17.4*): Support: 12.0/11.5 Resistant: 13.4/14.0
- Theme : Earnings Play
- Earnings Outlook : แนวโน้มกำไรปกติ 3Q17F ฟื้นตัว q-q จาก 2Q17 ตั้งค่าใช้จ่ายประจำปีส่วนใหญ่แล้ว พร้อมเติบโตเด่นต่อเนื่องใน 4Q17F ซึ่งจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี ยังคงเป้าฐานกำไรสุทธิปี17F ที่ 535 ลบ.ต่อเนื่องถึง แนวโน้มกำไรช่วง 3 ปีนี้จะเข้าสู่ช่วงเติบโตรอบใหญ่เฉลี่ย CAGR 22% ต่อปี จากกลยุทธ์ที่เป็นเชิงรุกมากขึ้น เริ่มนำ Taro บุกตลาดต่างประเทศ
- Valuation : ภาพของบริษัทจะเปลี่ยนจาก Div play เป็น Growth stock + high div โดย Div yield 6% และมี Valuation น่าสนใจ โดยมี PER ปี 2017F เพียง 14x เท่า ยังต่ำกว่า TKN ซึ่งสูงถึง 30x เท่า
- Catalyst : งาน Opp day วานนี้ มีผลตอบรับเชิงบวก จากบริษัทเดินหน้าตีตลาดต่างประเทศ คืบหน้าเร็วกว่าประมาณการในบางประเทศ เป็น Upside risk ต่อประมาณการใน 4Q17F ในส่วนของประเทศจีน คาดว่าจะมีรายได้เข้ามาอย่างมีนัยตั้งแต่ 1Q18F เป็นต้นไป
FN (TP18F 7*): Support: 4.62/4.50 Resistant: 5.3/5.7
- Theme : Consumer Play
- Earnings Outlook : คาดกำไรจะต่ำสุดใน 3Q17F และจะเริ่มดีขึ้นใน 4Q17F และฟื้นตัวชัดเจน +50% ปี 2018F จากยอดขายสาขาเดิมหลังปรับฐานปี 2017 จะกลับมาเติบโต รวมกับ ผลการเปิดสาขาใหม่ 2 แห่งปี 2017 เต็มปี ซึ่งมี Performance ดี และ 2 แห่งปี 2018 ขณะที่ Margin จะฟื้นตัว จากสัดส่วนสินค้า House brand, รายได้ค่าเช่าเพิ่ม
- Valuation : ราคาที่เริ่ม Outperform ยังเป็นจุดเข้าลงทุนที่ดี เพื่อรับกำไรปี 2018F ที่จะฟื้นตัวแรง และมี Model business ที่ดี (Margin สูง + สาขาใหม่ คืนทุนไว+ เพิ่มรายได้ค่าเช่า หนุน Margin และสร้าง Recurring income)
- Catalyst : ภาคการบริโภคผ่านจุดต่ำสุดและทยอยฟื้นตัว เข้าสู่ช่วงฤดูกาลใน Q4 + ได้ประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า (นำเข้า 40%)
Note: TP (Bloomberg Consensus) , *TP(CNS), **TP(Nomura)
ข่าวเด่น