กลยุทธ์วันนี้

          SMID Cap

Smart Pick
1. เก็งกำไร SQ : ราคาปิด 6.40 บาท ราคาเหมาะสม 7.20 บาท (อิง Consensus เนื่องจากยังไม่ได้อยู่ใน Coverage ของเรา)
          a) มี Catalyst ระยะสั้นรออยู่ คือการประมูลโครงการเหมืองแม่เมาะ9 มูลค่าโครงการสูงถึง 4.0 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าจะทราบผลการประมูลในปีนี้ และหาก SQ ชนะการประมูลจะมีนัยสำคัญต่อผลประกอบการในอนาคต เนื่องจากจะเพิ่ม Backlog ขึ้นอีกเท่าตัว จากปัจจุบันที่ 3.6 หมื่นล้านบาท 
          b) คาดผลประกอบการ 2H60 เติบโตสูง YoY จากโครงการเหมืองแม่เมาะ 7, 8 และหงสา ที่มีการเรียกถ่านหินและพิจารณาให้ขุดดินเพิ่ม 
          c) Consensus คาดกำไรสุทธิปี 2560 เติบโต +20% YoY เป็น 520 ล้านบาท และต่อเนื่อง +11% YoY เป็น 570 ล้านบท ในปี 2561 ขณะที่ Valuation ยังไม่แพงที่ระดับ PER2561 ราว 12.5 เท่า

2. สะสม TCMC : ราคาปิด 4.64 บาท ราคาเหมาะสม 5.90 บาท (หลัง XR)
          a) Yuanta มีมุมมองเชิงบวกหลังการประชุมผู้ถือหุ้นวานนี้มีมติอนุมัติเข้าซื้อกิจการพรมพาณิชย์ของ Tai Ping ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านการผลิตพรม Axminster อันดับ 2 ของโลก และราคาเข้าซื้อกิจการที่ 3,149 ล้านบาท คิดเป็น PER เพียง 9 เท่า ถือว่าไม่แพง 
          b) จะขึ้น XR วันที่ 26 ก.ย. สัดส่วน 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ หุ้นละ 3.00 บาท และ 1 หุ้นเพิ่มทุนได้ฟรี 1 Warrant และประเมินว่าการรวมงบการเงินของ Tai Ping ตั้งแต่ 4Q60 จะส่งผลให้กำไรสุทธิเติบโตก้าวกระโดด YoY 
          c) คาดกำไรสุทธิปี 2561 เติบโตสูง +104% YoY เป็น 429 ล้านบาท แม้ว่าจะมีการเพิ่มทุน แต่ด้วยกำไรที่เติบโตสูงมาก เพียงพอที่จะผลักดันให้กำไรต่อหุ้น (EPS) เติบโตได้ถึง +53.2% YoY และมี Upside Risk จากการนำธุรกิจเฟอร์นิเจอร์เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นอังกฤษ เริ่มต้นคำแนะนำด้วยซื้อและใช้สิทธิ์เพิ่มทุน

ตลาดหุ้นไทยวานนี้
          วานนี้ SET INDEX ปรับตัวลดลงเล็กน้อยราว 0.16 จุด ปิดที่ 1670.49 จุด มูลค่าการซื้อขายราว 5.4 หมื่นล้านบาท ด้านกระแสเงินทุน นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิราว 145 ล้านบาท สวนทางกับสถาบันในประเทศขายสุทธิราว 144 ล้านบาท ด้านตลาดฟิวเจอร์ส นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Long สุทธิเป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการราว 9.6 พันสัญญา หลังจากที่ S50U17 ปิดต่ำกว่า SET50 เป็นวันแรกในรอบ 9 วันทำการ และสถาบันในประเทศมีสถานะ Short สุทธิราว 6.8 พันสัญญา ด้านตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิราว 2.7 พันล้านบาท นับเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันรวมกว่า 5.1 พันล้านบาท

กลยุทธ์วันนี้
          ประเมินทิศทาง SET INDEX ในวันทำการสุดท้ายของสัปดาห์ แกว่งตัวซึมในกรอบ 1665-1675 จุด คาดกระแสเงินทุนน่าจะรอดูผลการเลือกตั้งเยอรมันในวันอาทิตย์นี้ ซึ่งจะมีผลต่อเสถียรภาพของกลุ่มยูโรโซน
          ราคาน้ำมันดิบยังคงแกว่งตัวในระดับสูง เชื่อว่า ตลาดรอดูการประชุมระหว่างกลุ่ม OPEC และ Non-OPEC ที่จะมีขึ้นที่ประเทศออสเตรีย ในวันนี้ วาระสำคัญ คือ (1) ความเป็นไปได้ของการขยายเวลาสำหรับมาตรการลดกำลังการผลิต จากเดิมที่จะสิ้นสุดในเดือน มี.ค.61 (2) ตรวจสอบว่า การส่งออกน้ำมันเป็นไปตามข้อตกลงหรือไม่ ทั้งนี้ เรายังคงชอบกลุ่ม Global Plays โดยเฉพาะพลังงาน/ ปิโตรเคมี ที่คาดว่าผลประกอบการใน 3Q60 จะฟื้นตัวโดดเด่น แนะนำทยอยสะสมเมื่อราคาหุ้นย่อตัว
          ติดตามดัชนีเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์หน้า ได้แก่ รายงานการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) (26 ก.ย.), การประชุม กนง. (27 ก.ย.), ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐฯ (27 ก.ย.), GDP 2Q60 (รอบสาม) ของสหรัฐฯ (28 ก.ย.), อัตราเงินเฟ้อ (CPI) ของญี่ปุ่นและยูโรโซน (29 ก.ย.), GDP 2Q60 ของอังกฤษ (29 ก.ย.)
          ในเชิงกลยุทธ์ เรายังคงให้น้ำหนักกับการเลือกซื้อหุ้นขนาดกลาง-เล็ก (SMID Cap) ที่มีปัจจัยบวกขับเคลื่อนเฉพาะตัว แนวโน้มกำไรเติบโตแข็งแกร่ง และ P/E ratio ไม่สูง

ปัจจัยสำคัญวันนี้

• กระทรวงพาณิชย์รายงานมูลค่าการส่งออกไทย เดือน ส.ค. ขยายตัว 13.2% YoY ดีกว่าที่ตลาดคาดว่าจะขยายตัว 5% YoY และสูงสุดในรอบ 55 เดือน
• S&P ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของจีนลง 1 ชั้น จาก AA- เหลือ A+ เนื่องจากยอดการปล่อยสินเชื่อที่สูงขึ้น
• ติดตามการประชุม OPEC/ non-OPEC วันที่ 23 ก.ย.
• ติดตามการเลือกตั้งเยอรมัน วันที่ 24 ก.ย.

ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์หน้า

• ติดตามการประชุม กนง. และการอ่านคำพิพากษาคดีจำนำข้าว วันที่ 27 ก.ย.
• ติดตามการรายงาน GDP สหรัฐฯ 2Q60 วันที่ 28 ก.ย. คาดขยายตัว 3.1%
• ติดตามการรายงาน GDP อังกฤษ 2Q60, PMI จีน และเงินเฟ้อ EU 29 ก.ย.
• ติดตามการรายงานภาวะเศรษฐกิจไทย วันที่ 29 ก.ย.
• ติดตามความคืบหน้าการปรับโครงสร้างภาษีนิติบุคคลสหรัฐฯ