ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้
ไซด์เวย์ / บวกแคบๆ
KGI คาด SET วันอังคารเทรดไซด์เวย์/บวกแคบๆ ปัจจัยภายนอกที่เป็นลบเล็กน้อยอาจจำกัดทางขึ้นของหุ้นไทยบ้าง แต่เราคงมองหุ้นไทยโดดเด่นกว่าหุ้นเอเชียต่อไป (วานนี้ SET ฟื้นตัวสวนหุ้นเพื่อนบ้าน ตามคาด) ทั้งนี้ความแข็งแกร่งของปัจจัยเศรษฐกิจภายในประเทศ ผนวกกับการปรับฐานของตลาดหุ้นในแถบเอเชียเหนือที่ยังมีต่อเนื่อง -- ทั้งจากความกังวลต่อปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์หลังข่าวล่าสุดว่าเกาหลีเหนือขู่ยิงเครื่องบินทิ้งระเบิดของสหรัฐฯ และการปรับลงต่อของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในสหรัฐฯ -- น่าจะส่งผลให้ฟันด์โฟลว์หมุนเข้าตลาดหุ้นไทยชัดเจนมากขึ้น สำหรับปัจจัยภายนอกนั้น เจ้าหน้าที่เฟดคนสำคัญได้แก่วิลเลียม ดัดลีย์ ผู้ว่าการเฟดสาขานิวยอร์ก ให้สัมภาษณ์ว่าแนวโน้มเงินเฟ้อของสหรัฐฯ น่าจะฟื้นตัวสู่เป้าหมาย 2% ได้ในระยะถัดไป หนุนค่าเงินดอลล่าร์ฯ รีบาวด์เมื่อคืนนี้แต่ไม่ส่งผลกดดันค่าเงินบาทอย่างมีนัยสำคัญแต่อย่างใด ด้านปัจจัยภายในตลาดกำลังติดตามผลประชุม กนง.ที่จะประกาศในวันพรุ่งนี้เวลา 14.30 น. นักเศรษฐศาสตร์ KGI ประเมิน กนง. คงดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.25% ตามแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่เร่งตัว และเงินเฟ้อยังทรงตัวในระดับต่ำ
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน
เก็งกำไร BCP*, WHA*, MTLS*
BCP* (เป้าพื้นฐาน 43 บาท) 1) แนะนำพิจารณาที่แนวราคา 39.25 บาท หาก Breakout ผ่านได้ จะเริ่มเกิดสัญญาณซื้อ มีโอกาสปรับขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 41.5 บาท แนวรับ 38 บาท (Stop loss 37.25 บาท) 2) ประเมินราคาหุ้น Laggard หุ้นลูกอย่าง BCPG* (BCP* ถืออยู่ 70.28%) ซึ่งในการประเมินราคาเป้าหมายพื้นฐานหุ้น BCP* ฝ่ายวิจัยฯใช้วิธี Sum of the Parts โดยสมมติฐานราคาเหมาะสม BCPG* เพียง 13.1 บาท (ล่าสุดวานนี้ BCPG* ปิด 19.3 บาท) 3) คาดกำไร 3Q60 จะเป็นจุดพีคของปีนี้ จาก i) Base GRM ที่สูง และ ii) ไม่มีผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันเช่นใน 2Q60 4) PE ปีนี้ต่ำเพียง 8.4 เท่าและปันผลเฉลี่ย 6% ต่อปี
WHA* (เป้า Consensus 3.81 บาท) 1) ประเมินแกว่งตัวขึ้นในกรอบ Channel Line 3.42 – 3.70 บาท แนะนำ “เก็งกำไร” ในกรอบฯ และหากทะลุผ่านกรอบแนวต้าน 3.70 บาทได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้าน 4.0 บาท (Stop loss 3.30 บาท) 2) ประเมิน Valuation Laggard หุ้นในกลุ่มฯ โดยมี PE 2560 เพียง 17 เท่า เทียบกับ TICON, JWD ที่ PE ปี 2560 = 48 เท่า และ 53 เท่า ตามลำดับ และ Dividend yield WHA ปีนี้สูงราว 2.3% เทียบกับ TICON, JWD ที่เพียง 1.3% และ 1.0% ตามลำดับ … ข้อมูล Bloomberg Consensus 3) รับอานิสงส์บวกจากการที่ ครม อนุมัติผ่าน ร่าง พรบ เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (โครงการ EEC) แล้ว เตรียมเข้า สนช ปลายเดือน ก.ย.นี้ เป็นวาระแรก
MTLS* (เป้าพื้นฐาน 40 บาท) 1) ยืนเหนือแนวราคา 35 บาทได้ ขณะที่กลุ่มเส้นค่าเฉลี่ย 3 – 15 วัน เริ่มตัดขึ้นในลักษณะ Golden cross มีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 36.25 บาท และถัดไปที่ แนวต้าน Channel line 39 บาท (Stop loss 33 บาท) 2) ประเมินแนวโน้มกำไร 2H60 โตกว่า 1H60 จาก High season (โดยขณะนี้กำไร 1H60 คิดเป็น 48% ของประมาณการทั้งปี เราประเมินมีโอกาสทำได้เกินที่คาด) 3) ประเมินที่ประชุม กนง วันพุธนี้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1.5% ต่ำต่อเนื่อง โดยฝ่ายวิจัยฯ ประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะคงที่จนถึงกลางปี 2561
หุ้นมีข่าว
(+) EGCO* ร่วมทุน 25%ในโรงไฟฟ้า"น้ำเทิน1" (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) "เอ็กโก กรุ๊ป" เดินหน้าร่วมทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ "น้ำเทิน 1" ใน สปป.ลาว ส่งไฟขายการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว
(+) เร่งประชาชนรับบัตรสวัสดิการรัฐ (ไทยรัฐ) ดีเดย์ 1 ตุลารูดปื๊ดซื้อสินค้าจำเป็น-จ่ายค่าเดินทาง นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กรมบัญชีกลางขอให้ประชาชนผู้มีสิทธิ์ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทั่วประเทศจำนวน 11.67 ล้านคน มาติดต่อขอรับบัตรได้ที่หน่วยรับลงทะเบียนที่ได้ลงทะเบียนไว้โดยเร็วที่สุด เพราะบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนี้จะเริ่มมีผลใช้งานได้ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ แต่จนถึงขณะนี้ยังมีผู้มารับบัตรดังกล่าวน้อยมาก
(+) จ่อยกเว้นวีซ่าท่องเที่ยวหาหมอ (ไทยรัฐ) อีก 5 ประเทศโกยรายได้ทะลัก นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ตนจะหารือกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อพิจารณายกเว้นวีซ่านักท่องเที่ยว สำหรับการมารักษาตัวและพักฟื้นในไทยเป็นเวลา 90 วัน ให้กับประเทศญี่ปุ่น เนปาล ภูฏาน ศรีลังกา บังกลาเทศ ซึ่งเป็นการเพิ่มเติมจากลอตแรกที่อนุมัติไปแล้วให้กับ ลาว กัมพูชา พม่า เวียดนาม และจีน เพื่อช่วยกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวระยะยาวได้มากขึ้น โดยเฉพาะตลาดเอเชียที่ปัจจุบันวันพำนักเฉลี่ยยังไม่มากนัก ทั้งนี้นโยบายเรื่องนี้ก็เพื่อที่จะดึงดูดให้กลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ(เมดิคัลทัวริสซึ่ม) อยากมาใช้บริการและพักฟื้นด้านการแพทย์ในเมืองไทย ซึ่งรวมถึงให้สามารถมีผู้ดูแลพักฟื้นหรือเป็นผู้ติดตามได้ 3 คน โดยกลุ่มดังกล่าวจะใช้จ่ายสูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไปที่เฉลี่ยใช้จ่าย 5,000 บาทต่อคนต่อวัน
(+) PTT* เดินหน้าโรงแรม ใกล้เปิดตัวพันธมิตร (ทันหุ้น) PTT* เดินตามแผน ดัน PTTOR เข้าตลาดหุ้น แย้มรอการโอนทรัพย์สินให้ชัดเจนเสียก่อน ด้านนักวิเคราะห์มองอย่างเร็วที่สุด น่าจะเป็นครึ่งหลังปี 2561 ผู้บริหาร ปตท. ประกาศเดินหน้า Budget Hotel สรุปพันธมิตรภายใน 1-2 เดือนข้างหน้า จ่อลงทุนต้นแบบ 4-5 แห่ง ก่อนเปิดทางดีลเลอร์ ตั้งเป้า 50 แห่ง ภายใน 5 ปี
(+) ORI ปันผล-แจกวอร์แรนต์โบรกเล็งอัพเป้าหมายใหม่ (ทันหุ้น) ORI แจกข่าวดี 2 เด้งควักปันผล 0.05 บาทต่อหุ้น ขึ้น XD วันที่ 5 ต.ค.60 พร้อมออกวอร์แรนต์ผู้ถือหุ้นเดิม 4 หุ้นเดิมต่อ 1 หลักทรัพย์แปลงสภาพ ราคาเสนอขาย 0.00 บาทต่อหน่วย กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิ์ซื้อหลักทรัพย์แปลงสภาพ 6 พ.ย.60 อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อ 1 หุ้น ราคาการใช้สิทธิ์ 20.00 บาทต่อหุ้น อายุ 3 ปี ด้านโบรกเล็งอัพเป้าหมายใหม่
หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า
MOONG (เป้าพื้นฐาน 9.1 บาท) พิจารณาแนวต้าน 7.2 บาท หากผ่านได้ ประเมินขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 7.7 บาท แนวรับ 6.9 บาท (Stop loss 6.8 บาท)
GLOBAL* (เป้าพื้นฐาน 16.3 บาท) แนะนำ “Let profit run” ประเมินแนวต้าน 16.5 บาท กำหนด Trailing Stop 15.4 บาท
COM7* (เป้า Consensus 13.1 บาท) ประเมิน แนวรับ 13.0 บาท และ 12.8 บาท แนะนำ “สะสม” แนวรับ / แนวต้าน 13.7 บาท และถัดไปที่ 14.6 บาท
ECL (เป้าพื้นฐาน 4.1 บาท) ราคาหุ้นเริ่มฟื้นตัว โดยประเมินหากวันนี้ยืนเหนือแนวราคา 4.10 บาทได้ แนะนำ “Let profit run” มีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 4.40 บาท แนวรับ 3.94 บาท หากต่ำกว่า 3.94 บาท แนะนำ “รอซื้ออ่อนตัว” ที่แนวรับถัดไป 3.80 บาท
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
กลุ่มโรงพยาบาล น้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาดฯ” ฝ่ายวิจัยฯประเมินแนวโน้มโดยรวมผลการดำเนินงาน 2H60 จะดีขึ้น HoH โดยจะได้แรงขับเคลื่อนจาก i) การเข้าสู่ช่วง peak season ii) มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเนื่องจากฤดูฝนที่ยาวนานในปีนี้ และ iii) การเพิ่มค่ารักษาให้กับผู้ป่วยประกันสังคมเพิ่มขึ้นในปีนี้ ฝ่ายวิจัยชอบโรงพยาบาลที่มีสัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยประกันสังคมสูง และมีแนวโน้มกำไรดีใน 2H ดังนั้น เลือก BCH* เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มฯ
Market strategy Thailand
จิตวิทยาตลาดวันนี้: --- ‘ค่าเฉลี่ยสี่วันที่รับ 1665 จุด
วันนี้ หากดัชนี SET ปรับขึ้นหรือปิดเหนือนัยรับ 1665 จุดนั้น อาจผลักราคาขึ้นในกรอบ 1665-1679 จุด แต่หากวันนี้ ดัชนี SET ลดลงปิดต่ำกว่านัยรับ 1665 จุดนั้น อาจทรงราคาลงในกรอบ 1665-1655 จุด
แนวรับวันนี้: 1662/1657 แนวต้านวันนี้: 1672/1678
หมายเหตุ: (1) ระยะสั้นคือ 1-5 วันทำการ; (2) ระยะกลาง คือ 14-30 วันทำการ; (3) ระยะยาวคือมากกว่า 30 วันทำการ
ข่าวเด่น