คำแนะนำ
หลังจากราคาทิ้งตัวลงมีลุ้นที่ราคาอาจดีดตัวขึ้นระยะสั้นไปทดสอบแนวต้านโซนที่ 1,300-1,307 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคายืนไม่ได้อาจเกิดแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมา เมื่อราคาทองคำอ่อนตัวลงจะมีแนวรับบริเวณ 1,280-1,273 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ 1,280 1,273 1,266
แนวต้าน 1,307 1,313 1,320
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 12.79 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่พุ่งขึ้นแตะจุดสูงสุดในรอบกว่า 1 เดือนจากกระแสการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ ขณะที่การคาดการณ์ในเชิงบวกต่อแผนการปฏิรูปภาษีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้เปิดเผยเมื่อวานนี้เป็นอีกปัจจัยที่หนุนสกุลเงินดอลลาร์และสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำ โดยประธานาธิบดีทรัมป์เสนอให้มีการปรับลดภาษีเงินได้นิติบุคคล ลงสู่ระดับ 20% จากปัจจุบันที่ระดับ 35% และลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาขั้นสูงสุดลงสู่ระดับ 35% จากปัจจุบันที่ 39.6% อย่างไรก็ตามแผนการดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์กันว่าเอื้อประโยชน์ให้กับคนรวยและบริษัทต่างๆ และอาจทำให้สหรัฐขาดดุลงบประมาณหลายล้านล้านดอลลาร์ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำเพิ่มวานนี้ 2.07 ตัน สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยประมาณการครั้งสุดท้ายจีดีพีไตรมาส 2, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ของสหรัฐและถ้อยแถลงของนายสแตนลีย์ ฟิชเชอร์ รองประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ปัจจัยทางเทคนิค
ราคาทองคำยังคงพยายามยืนเหนือ 1,280 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสามารถยืนเหนือบริเวณดังกล่าวได้หลายชั่วโมง มีแนวโน้มจะขึ้นทดสอบ 1,300-1,307 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าไม่สามารถปรับขึ้นได้ จะเกิดแรงขายออกมาเป็นระยะ โดยแนวรับจะอยู่ที่ 1,280-1,273 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT & GOLD FUTURES
แบ่งทองคำออกขายทำกำไรหากราคาทองคำไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,300-1,307 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพื่อรอเข้าซื้อเก็งกำไรจากการดีดตัวขึ้นหากการอ่อนตัวลงสามารถยืนเหนือโซน 1,280-1,273 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยตัดขาดทุนหากราคาดีดตัวขึ้นแรงผ่าน 1,307 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ข่าวเด่น