Market summary
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมายังคงมีแรงเก็งกำไรในหุ้นใหญ่-กลางต่อเนื่อง นำโดย HMPRO (เราปรับเพิ่มราคาเหมาะสม) และ CPALL ในขณะที่เกิด Technical rebound ใน SCC, IVL และกลุ่มธนาคาร (BBL,KTB) อย่างไรก็ตามหุ้น AJA กลับมาซื้อขายในตลาดอีกครั้ง โดยราคาปรับตัวลงกว่า 29% ณ สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,673 จุด (+6.8 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 5.7 หมื่นล้านบาท ลดลงจากวันก่อนหน้าที่ 6.1 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนชาติขายหุ้นไทยต่อเป็นวันที่ 2 ที่ 301 ลบ. และคงสถานะ Short สุทธิ SET50 Index Future ที่ 1,909 สัญญา
Investment theme
ไตรมาส 4 กลุ่ม Domestic น่าสนใจ : เราเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะการส่งออกของ SME และอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ปรับตัวขึ้นในเดือนสิงหาคมเป็น 63% ส่งผลให้ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้น 3.74% นำโดยกลุ่มรถยนต์และยางที่ปรับตัวขึ้น 11.3% และ 13.7% ตามลำดับ ในขณะที่หนี้ครัวเรือน/GDP ค่อยๆปรับตัวลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีที่ 78% อีกทั้งเราสอบทางไปยังหลายบริษัทฯ ในตลาดหลักทรัพย์ พบว่าเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของ ยอดขายเฉลี่ยต่อสาขา (%SSSG) ของกลุ่มค้าปลีกและร้านอาหาร ประกอบกับเป็นช่วงเวลาที่รัฐบาลเริ่มเปิดให้ประชาชนกว่า 11 ล้านคน ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ส่งผลให้เรามองว่าในช่วงเดือนตุลาคมรวมถึงไตรมาส 4 น่าเก็งกำไรกับหุ้นที่ได้ประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมจากการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ
Investment theme: ในเดือนตุลาคม คาด SET แกว่งตัวในกรอบ 1,680-1,700 โดยแนะนำ Go with the flow และพิจารณาขายทำกำไรหาก SET ปรับตัวหลุดเส้น 10 วัน (3 สัปดาห์ที่ผ่านมา SET ปรับตัวขึ้น 100 จุด ซึ่งสามารถเลี้ยงตัวไม่ได้หลุดเส้น 10 วันมาตลอด) ในขณะที่แนะนำให้นักลงทุนติดตามการ Preview ผลประกอบการกลุ่มธนาคารและกลุ่มพลังงาน
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) รายงานตัวเลขดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนสิงหาคมขยายตัว 3.74%YoY นำโดยผลิตภัณฑ์ยาง (+13.7%) และรถยนต์ / สหรัฐรายงานตัวเลข Core-PCE เดือนสิงหาคมต่ำกว่าคาดเล็กน้อยที่ 1.3% / จีนรายงาน PMI ภาคการผลิตสูงกว่าคาดที่ 52.4 (คาด 51.5) / FED สั่งปรับ HSBC 175 ล้านเหรียญสหรัฐ จาก FX-trading / เวียดนามรายงาน GDP ไตรมาส3 เติบโตสูงกว่า 7.46% สูงสุดในรอบ 7 ปี /รัฐบาลเปิดให้ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐแล้ว
ตลาดนำ PRINC , KCM, GL-W4 เข้าเกณฑ์ Cash balance
บทวิเคราะห์วันนี้ : CPALL (Upgrade target price)
Stock pick : CPALL
CPALL: ซื้อ 75.00 บาท (ปรับเพิ่มราคาเหมาะสม)
คาดกำไรไตรมาส 3 ไม่ได้อ่อนตัวมากขนาดที่ตลาดกังวลเป็นผลจาก SSSG ที่มีโอกาสพลิกเป็นบวก 2% และ Promotion จากแสตมป์ ได้รับการตอบรับที่ดี ในขณะที่เปิดสาขาตามเป้ากว่า 120 สาขาส่งผลให้คาดกำไรจากการดำเนินงานที่ 4,604 ล้านบาท (+13%YoY)
คาดกำไร 4Q60 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจาก High season ทั้งจากคนไทยและนักท่องเที่ยว รวมถึงเราเชื่อว่า CPALL จะได้ประโยชน์ไม่มากก็น้อยจากประเด็นบัตรสวัสดิการแห่งรัฐซึ่งเริ่มใช้เป็นวันแรกแล้ว
เราปรับเพิ่มคำแนะนำและราคาเป้าหมายเป็น “ซื้อ” ที่ 75.00 บาท/หุ้น ซึ่งมองว่ายังมีช่องว่างการขยายสาขาและค่าใช้จ่ายต่อใบเสร็จเพิ่มอีก
Trading idea – – Let profit run for HMPRO (13.50) / ทยอยสะสม DEMCO, LPN, TTCL คาดผลประกอบการไตรมาส 3 จะออกมาอ่อนตัว แต่มองว่าตลาดรับรู้ไปแล้ว และเป็นจังหวะทยอยสะสม
ลุ้นการ Break Out กรอบสามเหลี่ยม : กราฟรายชั่วโมงดัชนีมีแรงดีดกลับได้ดีจากแนวรับของกรอบ Ascending Triangle และสามารถปิดที่บริเวณแนวต้านของกรอบ ระยะสั้นจึงลุ้นการ Break Out กรอบสามเหลี่ยม โดยมองแนวต้านถัดไปที่ 1685
การอ่อนตัวระหว่างวันมองเป็นโอกาสสะสมหุ้น มองแนวรับที่ 1670 และ 1667 กลยุทธ์การลงุทน (1) นักลงทุนที่มีหุ้น Let Profit Run เพื่อลุ้นการ Break กรอบสามเหลี่ยม (2) นักลงทุนที่ไม่มีหุ้น จังหวะอ่อนตัวสู่แนวรับ 1670 1667 มองเป็นโอกาสสะสมหุ้น
แนวรับ : 1670, 1667 แนวต้าน : 1677, 1685
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : ตลาดหุ้นจีนหยุด 1 สัปดาห์ /ยุโรปรายงาน PMI ภาคการผลิตวันที่ 2 ต.ค. / ญี่ปุ่นรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ วันที่ 3 ต.ค. / Trump อยู่ระหว่างการการพิจารณาหาประธาน FED คนต่อไป / 18 ต.ค. จับตาการเลือกตั้งจีน / 22 ต.ค. ญี่ปุ่นเลือกตั้ง
ปัจจัยในประเทศ : สัปดาห์นี้ติดตามยอดวงเงินการออกบาทบอนด์ / นายกประยุทธ์เตรียมเดินทางสหรัฐเข้าพบ Trump
หุ้นเทคนิค:
CPALL (B 66.00-66.50, Tp 68.00/69.50, Cut 65.50)
IVL (B 41.50, Tp 45.50, Cut 41.00)
ข่าวเด่น