Market summary
เมื่อวาน SET ยังคงมี Momentum เชิงบวกต่อ โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขายมีแรงเก็งกำไรเด่นในหุ้นกลุ่มการเงิน นำโดย SAWAD, MTLS และ THANI ในขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานยังคงปรับขึ้นเด่นเช่น PTT, PTTGC และโรงกลั่น (BCP, IRPC, ESSO) อย่างไรก็ตามนักลงทุนรายย่อยทยอยขายทำกำไรในหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ณ สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,688 จุด (+15.4 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 6.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้าที่ 5.7 หมื่นล้านบาท (มี Biglot ใน PLANB จำนวน 35 ล้านหุ้น)
นักลงทุนชาติกลับมาซื้อหุ้นไทย ที่ 2,859 ลบ. แต่ Short สุทธิ SET50 Index Future เพิ่มขึ้นสูงถึง 24,079 สัญญา
Investment theme
กลุ่มอสังหาฯ เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ได้ประโยชน์ทางอ้อมจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ: ภายหลังเราเริ่มเห็นการเติบโตต่อเนื่องของการส่งออกและการบริโภคในประเทศ รวมถึงอัตราการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น อีกทั้งรัฐบาลออกมาตราการช่วยเหลือ SME ซึ่ง ในอดีตกลุ่มคนชั้นกลางที่เคยขาดความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจ และเลือกที่ชะลอการบริโภค อาจพิจารณากลับมาบริโภคอีกครั้ง ซึ่งกลุ่มอสังหาถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่กลุ่มคนชั้นกลางซื้อเพื่ออยู่อาศัยและเก็งกำไรในยามที่เศรษฐกิจฟื้นตัว ในขณะการลงทุนในวันนี้ กลุ่มพลังงานต้นน้ำและโรงกลั่นอาจเผชิญกับแรงขายระยะสั้น ภายหลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงเหลือ 56.0 เหรียญ/บาร์เรล ภายหลังพบกลุ่ม OPEC เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน อีกทั้งพบแท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐเพิ่มอีก 6 แท่น เป็น 750 แท่น (ครั้งแรกในรอบ 7 สัปดาห์) ในขณะที่ค่าการกลั่นปรับตัวลงกว่า 10% เหลือ 7.38 เหรียญ/บาร์เรล
Investment theme: ในเดือนตุลาคม คาด SET แกว่งตัวในกรอบ 1,680-1,700 โดยแนะนำ Go with the flow และพิจารณาขายทำกำไรหาก SET ปรับตัวหลุดเส้น 10 วัน (3 สัปดาห์ที่ผ่านมา SET ปรับตัวขึ้น 100 จุด ซึ่งสามารถเลี้ยงตัวไม่ได้หลุดเส้น 10 วันมาตลอด) ในขณะที่แนะนำให้นักลงทุนติดตามการ Preview ผลประกอบการกลุ่มธนาคารและกลุ่มพลังงาน
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา เกิดเหตุก่อการร้ายที่ Las Vegas พบผู้เสียชีวิตสูงกว่า 59 คน / พาณิชย์รายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือนก.ย.ที่ 0.86% ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 (รวม 9 เดือน เติบโต 0.59%) / ก.ล.ต. สั่ง PACE ชี้แจงข้อมูลภายใน 7 วันกรณีข้อตกลงกับผู้ลงทุน ในการรับซื้อหุ้นบุริมสิทธิบางส่วนคืนจากคู่สัญญา / ค่าการกลั่นปรับตัวลง 10% ที่ 7.38 เหรียญ/บาร์เรล / SVI อนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนด้วยวงเงิน 1.4พันล้านบาท เริ่ม 18 ต.ค.
บทวิเคราะห์วันนี้ : LPN (Upgrade target price) / TPIPP (Earning preview : ไตรมาส 3 อ่อนตัว ก่อนฟื้นแรงในไตรมาส4) / SAWAD, MTLS (Initiate buy)
Stock pick : LPN
LPN: ซื้อ 14.20 บาท (ปรับเพิ่มราคาเหมาะสม)
คาดกำไรไตรมาส 3 ไม่ได้อ่อนตัวมากอย่างที่ตลาดกังวล และจะเด่นในไตรมาส4 ต่อเนื่องถึงปี 2561 จากการรับรู้รายได้ของ 4 โครงการใหญ่ส่งผลให้เราคาดกำไรปี 2561 เติบโตสูงกว่า 28% ที่ 1.86 พันล้านบาท
ปัจจุบัน LPN มี Backlog ประมาณ 7.4 พันล้านบาท คาดบันทึกเป็นรายได้ในไตรมาส 4 สูงกว่า 2.3 พันล้านบาท ในขณะที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียม Presale 2-3 โครงการใหญ่รวมย่านพระราม 3 มูลค่าสูงกว่า 5 พันล้านบาท
เราปรับเพิ่มคำแนะนำและราคาเป้าหมายเป็น “ซื้อ” ที่ 14.20 บาท/หุ้น บน PER 18 ที่ 11.2 เท่า (+0.5SD) ซึ่งเรามองว่าผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ในขณะที่ราคาหุ้น Laggard กลุ่มและ SET สูงกว่า 18% และ 8.6% ตามลำดับ พร้อมปันผลสูงกว่า 5.6%
Trading idea – – เก็งกำไร SPALI (26.00), CPF (31.60) / ทยอยสะสม TTCL คาดผลประกอบการไตรมาส 3 จะออกมาอ่อนตัว แต่มองว่าตลาดรับรู้ไปแล้ว และเป็นจังหวะทยอยสะสม
ทดสอบแนวต้านจิตวิทยา 1700 : ดัชนีสามารถ Break กรอบ Ascending Triangle ทำให้ Upside ด้านบนเปิดมากขึ้น เนื่องจากมีแนวโน้มกลับไปแกว่งตัวขึ้นในกรอบ Uptrend Channel ระหว่างวันแม้อ่อนตัวลงแต่สามารถดีดกลับได้ทันทีระยะสั้นคาดทดสอบแนวต้านจิตวิทยาที่ 1700 การอ่อนตัวระหว่างวันมองเป็นโอกาสสะสมหุ้น มองแนวรับที่ 1685 และ 1680 กลยุทธ์การลงุทน (1) นักลงทุนที่มีหุ้น Let Profit Run ไปที่แนวต้าน 1700 (2) นักลงทุนที่ไม่มีหุ้น จังหวะอ่อนตัวสู่แนวรับ 1685 1680 มองเป็นโอกาสสะสมหุ้น
แนวรับ : 1685, 1680 แนวต้าน : 1695, 1700
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : ตลาดหุ้นจีนหยุด 1 สัปดาห์ / ญี่ปุ่นรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ วันที่ 3 ต.ค. / Trump อยู่ระหว่างการการพิจารณาหาประธาน FED คนต่อไป / 18 ต.ค. จับตาการเลือกตั้งจีน / 22 ต.ค. ญี่ปุ่นเลือกตั้ง
ปัจจัยในประเทศ : สัปดาห์นี้ติดตามยอดวงเงินการออกบาทบอนด์ / นายกประยุทธ์เตรียมเดินทางสหรัฐเข้าพบ Trump
หุ้นเทคนิค:
PTTGC (B 78.00-78.50, Tp 82.00, Cut 77.50)
KBANK (B 205.00, Tp 214.00, Cut 203.00)
ข่าวเด่น