|
|
|
|
|
|
กลยุทธ์วันนี้
Laggard Play
- Smart Pick
1. สะสม TRUE : ราคาปิด 6.20 บาท ราคาเหมาะสม 7.80 บาท
a) คาดผลประกอบการ 3Q60 จะมีผลขาดทุนจากการดำเนินงานปกติลดลง QoQ จากค่าใช้ทางการตลาดที่ลดลงในทิศทางเดียวกับการแข่งขันในอุตสาหกรรมมือถือที่เริ่มคลายตัว และเชื่อว่าส่วนแบ่งตลาดของ TRUE จะยืนที่อันดับ 2 ได้ต่อเนื่อง และมีช่วงห่างจาก DTAC เพิ่มขึ้น
b) การขายสินทรัพย์เข้ากองทุน DIF จะส่งผลให้มีกำไรพิเศษสูงถึง 7 พันล้านบาทใน 4Q60 และอีก 25,000 ล้านบาท ในปี 2561
c) TRUE จะได้เงินสดสุทธิจากการขายสินทรัพย์ราว 40,000 ล้านบาทหรือ 1.20 บาทต่อหุ้น ส่งผลให้ Net D/E ลดลงจาก 0.7 เท่า เหลือ 0.4 เท่า โดยคาดว่าจะนำเงินไปชำระคืนเงินกู้ส่งผลให้ดอกเบี้ยจ่ายลดลง และเป็นบวกต่อผลประกอบการของบริษัทในระยะยาว 2. สะสม TMB : ราคาปิด 2.50 บาท ราคาเหมาะสม 2.70 บาท
a) คาดกำไรสุทธิ 3Q60 เติบโตสูง +24.2% YoY เป็น 2,292 ล้านบท เติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่จะเติบโตเพียง +0.7% YoY เนื่องจาก TMB จะได้แรงหนุนจากการบันทึกค่าธรรมเนียมการต่อสัญญากับ FWD
b) คงมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร จากการฟื้นตัวของผลประกอบการปี 2561 ที่คาดว่าการตั้งสำรองจะลดลง และ NPL ผ่านจุดสูงสดในปี 2560 เป็น Catalyst ผลักดันกำไรให้กลับมาเติบโต +10% YoY
c) Valuation น่าสนใจ ที่ระดับ PBV2561 เพียง 1.1 เท่า และคาดว่ากำไรสุทธิปี 2561 จะเติบโต +12% YoY เป็น 1.01 หมื่นล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวานนี้
วานนี้ SET INDEX ปรับตัวเพิ่มขึ้น 15.48 จุด ปิดที่ 1688.64 จุด มูลค่าซื้อขายราว 6.2 หมื่นล้านบาท นำโดยหุ้นขนาดใหญ่อย่าง PTT, CPN, PTTGC, CPALL และ AOT หนุน SET รวมราว 7.9 จุด ด้านกระแสเงินทุน นักลงทุนต่างชาติและสถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิทั้งสองกลุ่มราว 2.9 พันล้านบาท และ 1.1 พันล้านบาท ตามลำดับ ด้านตลาดฟิวเจอร์ส นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Short สุทธิหนาแน่นราว 2.4 หมื่นสัญญา สวนทางกับสถาบันในประเทศและบัญชี บล. ที่มีสถานะ Long สุทธิราว 9.3 พันสัญญา ด้านตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นวันที่ 6 ติดต่อกันราว 890 ล้านบาท รวมกว่า 2.6 หมื่นล้านบาท ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องอีกราว 0.3% มาอยู่ที่ 33.42 บาท/ดอลล่าร์สหรัฐฯ กลยุทธ์วันนี้
Upside จำกัดเมื่อ SET INDEX ขยับเข้าใกล้ 1700 จุด ภาพ SET INDEX วันนี้ จะแกว่งตัวในกรอบ 1685-1695 จุด โดยหุ้นกลุ่มหลักอย่างพลังงาน/ปิโตรเคมี มีแรงกดดันระยะสั้นจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับฐานแรงทั้ง Brent และ NYMEX ราว 2% เพราะผลสำรวจจาก Bloomberg รายงานว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันเดือน ก.ย.เพิ่มขึ้น 1.2 แสนบาร์เรลต่อวัน จากเดือนก่อนหน้า แตะระดับ 32.83 ล้านบาร์เรลต่อวัน
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเงียบเหงา เพราะหลายตลาดหุ้นหลักหยุดทำการ อาทิ จีน (2-6 ต.ค.), เกาหลีใต้ (2-9 ต.ค.), ฮ่องกง (2 และ 5 ต.ค.) ขณะที่เหตุการณ์ความไม่สงบในเมืองลาสเวกัส ของสหรัฐฯ วานนี้ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 58 ราย แทบไม่มีผลต่อตลาดหุ้น จะเห็นได้จากตลาดหุ้นสหรัฐฯวานนี้ ปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้ง 3 ตลาดราว 0.3-0.7%
ทั้งนี้ SET INDEX จะมีโอกาสไต่ระดับขึ้นทดสอบ 1,700 จุดได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับทิศทางค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ จะทรงตัวถึงแข็งค่าได้หรือไม่ เพราะหากพิจารณา Valuation ของตลาดหุ้นไทยอยู่ในภาวะที่ตึงตัว ดังนั้นในเชิงกลยุทธ์การลงทุน เราแนะนำให้นักลงทุน "ทยอยขายทำกำไร" เมื่อเข้าใกล้ระดับ 1,700 จุด และถือเงินสดให้มากขึ้น แต่หากจะเก็งกำไรในรอบสั้น เราแนะนำให้นักลงทุนเลือกหุ้น Laggard ที่ราคาหุ้นขึ้นมาน้อยกว่ากลุ่ม แต่แนวโน้มผลการดำเนินงานโดดเด่น
ปัจจัยสำคัญวันนี้ • กระทรวงพาณิชย์รายงานเงินเฟ้อไทยเดือน ก.ย. ขยายตัว 0.86% ส่งผลให้เงินเฟ้อเฉลี่ย 9 เดือนแรกของปี ขยายตัว 0.59% และปรับกรอบเงินเฟ้อในปีนี้เป็น 0.4%-1% จากเดิมที่ 0.7%-1.7% จากปัจจัยหลักคือราคาน้ำมันดิบ
- Reuter รายงานปริมาณการผลิตน้ำมันดิบเดือน ก.ย. ของกลุ่ม OPEC เพิ่มขึ้น 5 หมื่นบาร์เรล/วัน
- สหรัฐฯรายงาน ISM ภาคการผลิต ที่ระดับ 60.8 สูงสุดตั้งแต่เดือน พ.ค. 2547
- วันนี้ WPH เข้าเทรดวันแรกใน SET กลุ่ม Health Care ราคา IPO ที่ 3.9 บาท
- ติดตามการรายงานรายละเอียดและรูปแบบโครงการ Solar Roof Top พรุ่งนี้
- ติดตามการรายงานการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐฯของ ADP และ การกล่าวปาฐกถาของ Janet Yellen วันที่ 4 ต.ค.
- ติดตามการรายงานภาวะการจ้างงานสหรัฐฯ วันที่ 6 ต.ค.
|
LastUpdate 03/10/2560 11:12:52 โดย : Admin |
|
|
|
|
ข่าวเด่น