ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน นักลงทุนชาติกลับมาขายหุ้นไทยต่อเนื่องที่ 904 ลบ. (06/10/60)


 Market summary

  เมื่อวาน SET แกว่งตัวในกรอบแคบ โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขายมีแรงเก็งกำไรเด่นในกลุ่มโรงไฟฟ้านำโดย CKP, GPSC, BGRIM ในขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงาน ( PTTGC, PTTEP, IRPC) และ ICT (ADVANC, DTAC, TRUE) ก็มีแรงซื้อเช่นกัน ณ สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,690 จุด (3.1 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 5.1 หมื่นล้านบาท ลดลงจากวันก่อนหน้าที่ 6.0 หมื่นล้านบาท
  นักลงทุนชาติกลับมาขายหุ้นไทยต่อเนื่องที่ 904 ลบ. และยังคงสถานะ Long สุทธิ SET50  Index Future ที่ 2,843 สัญญา

Investment theme
  จับตาการเลือกประธาน FED คนใหม่ หลัง Yellen จะหมดวาระเดือน กุมภาพันธ์ปีหน้า  : เรามองว่าก่อน Yellen จะหมดวาระในต้นปีหน้า จะเริ่มเห็นการเริ่มลดขนาด Balance sheet ของสหรัฐในเดือนนี้โดยการปล่อยให้พันธบัตรหมดอายุ (ไม่ Roll-over) และมีโอกาสที่จะเห็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้งเป็น 1.25-1.50% ในช่วงเดือนธันวาคม (Bloomberg ให้โอกาสการปรับขึ้นในครั้งนี้สูงถึง 70%) และหลังจากนั้นเราคาดว่านักลงทุนทั่วโลกจะเริ่มจับตา ประธาน FED คนใหม่ซึ่งปัจจุบัน มี 3 Candidate ใหม่ ได้แก่ Kevin Warsh , Gary Cohn, Jerome Powell และการต่อวาระของ Yellen โดยล่าสุดโพลล์บางสำนักระบุให้ Warsh มีคะแนนเสียงนำคนอื่นๆ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าเค้ามีนโยบายเชิง Hawkish สูง ซึ่งอาจส่งผลให้ Bond yield สหรัฐปรับตัวขึ้น และโอกาสถึงการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่มากและเร็วกว่า ซึ่งถือเป็นปัจจัยกดดันการลงทุนในภูมิภาคเอเชีย 
  Investment theme: ในเดือนตุลาคม คาด SET แกว่งตัวในกรอบ 1,680-1,700 โดยแนะนำ Go with the flow และพิจารณาขายทำกำไรหาก SET ปรับตัวหลุดเส้น 10 วัน (3 สัปดาห์ที่ผ่านมา SET ปรับตัวขึ้น 100 จุด ซึ่งสามารถเลี้ยงตัวไม่ได้หลุดเส้น 10 วันมาตลอด) ในขณะที่แนะนำให้นักลงทุนติดตามการ Preview ผลประกอบการกลุ่มธนาคารและกลุ่มพลังงาน

Big issue 
  เมื่อคืนที่ผ่านมา   ค่าเงินปอนด์ปรับตัวลงที่ 1.32 ต่อสหรัฐ ต่ำสุดในรอบ 3 สัปดาห์ /  Brent  ปรับขึ้นอีกครั้งที่ 57.0 เหรียญ/บาร์เรล (+2.2%) / สหรัฐรายงานตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาดเล็กน้อยที่ 260,000 ตำแหน่ง / ตลาดคาด ECB ขยายเวลาการเข้าซื้อพันธบัตร (QE) ที่ 6.0หมื่นล้านยูโร/เดือน 
  บทวิเคราะห์วันนี้ : SAT , CPF, TU 
  AJA คาดเข้าเกณฑ์ Cash Balance

Stock pick : CK
CK: ซื้อเก็งกำไร 34.00 บาท 
  คาดกำไรไตรมาส 3 เติบโต YoY ที่ประมาณ 500 ล้านบาท+/-  ในขณะที่ปัจจุบันบริษัทฯมี Backlog สูงกว่า 8.6 หมื่นล้านบาท พร้อมเปิดความพร้อมเข้าประมูลโครงการต่างๆใน EEC 
  ใน 2 เดือนที่ผ่านมาบริษัทฯลูกอย่าง CKP, BEM ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 20.8% และ 7.5% ซึ่งยังไม่ถูกสะท้อนมูลค่ามายังบริษัทแม่อย่าง CK ในขณะที่ SET และกลุ่มก่อสร้าง ปรับตัวขึ้น 8.2%, 5.2% ตามลำดับ
  แนะเก็งกำไรกลุ่มก่อสร้างประเด็น สัปดาห์หน้ารัฐจะประกาศเกณฑ์ PPP ให้เอกชนลงทุน 100% ในโครงการท่าเรือแหลมฉบัง-สนามบินอู่ตะเภา และอื่นๆอีกมาก  ในขณะที่โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มจะเริ่มบันทึกรายได้ใน 1Q61
  Trading idea – – เก็งกำไร PSL, TTA (12.60 ) ทยอยขาย PLAT (กำไร 25%) Let profit run for CKP / ทยอยสะสม BEM (Technical rebound) 

Technical View
  แกว่งพักตัวในกรอบ 1683-1700 :  ดัชนีแกว่งพักตัว Sideway ในกรอบ 1683-1700 ระยะสั้นแนะนำให้ใช้กรอบดังกล่าวในการ Trading เนื่องจากแนวโน้มหลักยังมองว่าเป็นการพักตัวในกรอบเป็นขาขึ้น หากย่อตัวไม่หลุด 1683 คาดจะแกว่งขึ้นทดสอบ 1700 อีกครั้ง มองจังหวะอ่อนตัวที่แนวรับ 1680-1683 เป็นโอกาสสะสมเพื่อเล่น Trading
  กลยุทธ์การลงุทน (1) นักลงทุนที่มีหุ้น Let Profit Run ไปที่แนวต้าน 1700 แต่ใช้ 1683 เป็นจุด Lock Profit (2) นักลงทุนที่ไม่มีหุ้น จังหวะอ่อนตัวสู่แนวรับ 1680-1683 มองเป็นโอกาสสะสมหุ้น
  แนวรับ : 1680, 1683  แนวต้าน : 1695, 1700

Eyes on
  ปัจจัยต่างประเทศ :  ตลาดหุ้นจีนหยุด 1 สัปดาห์  / Trump อยู่ระหว่างการการพิจารณาหาประธาน FED คนต่อไป / 18  ต.ค. จับตาการเลือกตั้งจีน / 22 ต.ค. ญี่ปุ่นเลือกตั้ง
  ปัจจัยในประเทศ : สัปดาห์นี้ติดตามยอดวงเงินการออกบาทบอนด์ / ติดตามการประกาศเกณฑ์ PPP รถไฟ-ท่าเรือ-สนามบิน EEC 

หุ้นเทคนิค:
  AOT (B 58.00, Tp 60.00//61.00, Cut 57.00)
  KBANK (B 204.00, Tp 216.00, Cut 200.00)


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 06 ต.ค. 2560 เวลา : 09:48:56

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 3:57 am