Market summary
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา SET มีแรงซื้อเก็งกำไร และสามารถปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,700 จุดได้ หลักๆ เป็นแรงซื้อจากกลุ่มพลังงานนำโดย PTT, PTTGC,TOP ในขณะที่หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้ายังปรับขึ้นต่อเนื่องเช่น BPP, GPSC, BCPG, SSP อย่างไรก็ตามกลุ่มธนาคารยังคงเผชิญกับแรงขาย (SCB, BBL, KTB) จากการคาดการณ์ว่าผลประกอบการไตรมาส3 จะอ่อนตัว จาก NIM ที่ปรับลดลง ในขณะที่ NPL ยังคงอยู่ในระดับสูง ณ สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,695 จุด (+5.1 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 5.9 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้าที่ 5.1 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนชาติกลับมาซื้อหุ้นไทยอีกครั้งที่ 580 ลบ. แต่กลับมาเปิด Short สุทธิ SET50 Index Future ที่ 4,035 สัญญา
Investment theme
คาดผลประกอบการไตรมาส 3 กลุ่มค้าปลีก,ร้านอาหาร ฟื้นตัวจากปีก่อน : คาดผลประกอบการไตรมาส 3 ของกลุ่มค้าปลีก และ กลุ่ม Chain restaurant จะออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์นำโดย CPALL, HMPRO และ M ส่วนมากเกิดจากการพลิกกลับมาเป็นบวกอีกครั้งในรอบหลายเดือนของยอดขายเฉลี่ยต่อสาขา (SSSG%) ในขณะที่เรามองว่ากลุ่มนี้จะดีต่อเนื่องในไตรมาส 4 จาก Seasonal และการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ สำหรับภาพ Fund flow เราแนะนำให้นักลงทุนติดตามส่วนต่างของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ-ไทย ซึ่งล่าสุดกลับมาติดลบอีกครั้ง ทำให้อาจเห็น 1.) นักลงทุนต่างประเทศเริ่มชะลอการเข้าซื้อในตลาดพันธบัตรประเทศไทย และ 2.) Earning yield gap ระหว่างตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรในประเทศสูงขึ้น (ปัจจุบันอยู่บริเวณ 3.6%) ส่งผลให้อาจเห็นการขายทำกำไรตลาดพันธบัตรหันเข้าพักเงินในตลาดหุ้น
Investment theme: ในเดือนตุลาคม คาด SET แกว่งตัวในกรอบ 1,680-1,700 โดยแนะนำ Go with the flow และพิจารณาขายทำกำไรหาก SET ปรับตัวหลุดเส้น 10 วัน (3 สัปดาห์ที่ผ่านมา SET ปรับตัวขึ้น 100 จุด ซึ่งสามารถเลี้ยงตัวไม่ได้หลุดเส้น 10 วันมาตลอด) ในขณะที่แนะนำให้นักลงทุนติดตามการ Preview ผลประกอบการกลุ่มธนาคารและกลุ่มพลังงาน
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา สหรัฐรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญนำโดย ค่าแรงสูงกว่าคาด 0.5% ในขณะที่ รายงานตัวเลข Nonfarm-payroll ต่ำกว่าคาดที่ 33,000 อย่างไรก็ตามรายงานตัวเลขการว่างงานปรับลงที่ 4.2% ส่งผลให้ Bloomberg ปรับโอกาสการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.เพิ่มเป็น 78% (เดือนที่ผ่านมาอยู่ระดับ 45%+/-)
AQ กลับมาซื้อขายในตลาดอีกครั้งวันนี้
Stock pick : PTTGC
PTTGC: ซื้อเก็งกำไร 88.00 บาท
คาดกำไรไตรมาส 3 จะเติบโต 62.9%YoY , 53.6%QoQ ที่ 10,141 ล้านบาท หนุนจากธุรกิจโรงกลั่นด้วยกำลังการผลิต 100% (ค่าการกลั่น +30%QoQ) และโอเลฟินส์ จากกำลังการผลิตแครกเกอร์และ HDPE เพิ่มเป็น 95% และ 100% ตามลำดับ และคาดดีต่อเนื่องถึงไตรมาส 4
เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2560-2561 ขึ้น 20.5% และ 16.7% ตามลำดับจาก 1.) การรวมส่วนแบ่งกำไรจากโครงการ Asset Injection 6 บริษัทจาก PTT และ 2.) ปรับสมมติฐานค่าการกลั่นขึ้น
คงคำแนะนำซื้อด้วยราคาเป้าหมายปี 2561 ที่ 88.00 บาท/หุ้น , ปันผล 4.6%
Trading idea – – เก็งกำไร NOK ประเด็นสหรัฐพิจารณาปลดธงแดง ICAO / เก็งกำไรกลุ่มเรือ, เหล็กภายหลังจบช่วงวันหยุดยาวของจีนPSL, TTA (12.60 ), TSTH, TMT / เก็งกำไร CK (Toppick ของกลุ่มก่อสร้าง, Laggard ) /
Technical View
ปิด Gap ไม่หลุด 1690 ยังลุ้น Break 1700 : ดัชนีเปิดโดดจากแรงซื้อหลักจากหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ทำให้ปรับตัวขึ้นปะทะแนวต้าน 1700 ระหว่างวันยังไม่สามารถผ่านได้อย่างเด็ดขาด แต่พักตัวแกว่งออกข้าง ระยะสั้นมองว่าหากพักตัวปิด Gap ไม่หลุด 1690 ยังคงลุ้นการ Break แนวต้าน 1700 มองจังหวะอ่อนตัวที่แนวรับ 1680-1683 เป็นโอกาสสะสมเพื่อเล่น Trading กลยุทธ์การลงุทน (1) มีหุ้น: Let Profit Run ไปที่แนวต้าน 1700, 1710 ใช้ 1690 เป็นจุด Lock Profit (2) ไม่มีหุ้น: จังหวะอ่อนตัวสู่แนวรับ 1680-1683 มองเป็นโอกาส
สะสมหุ้น
แนวรับ : 1690, 1680 แนวต้าน : 1700, 1710
Eyes on
ปัจจัยต่างประเทศ : Trump อยู่ระหว่างการการพิจารณาหาประธาน FED คนต่อไป/ 12 ต.ค. แถลง Minute / 13 ต.ค. สหรัฐรายงานตัวเลข Core-PCI ยอดค้าปลีก และจีนรายงานตัวเลขนำเข้า-ส่งออก / 18 ต.ค. จับตาการเลือกตั้งจีน / 22 ต.ค. ญี่ปุ่นเลือกตั้ง
ปัจจัยในประเทศ : สัปดาห์นี้ติดตามยอดวงเงินการออกบาทบอนด์ / ติดตามการประกาศเกณฑ์ PPP รถไฟ-ท่าเรือ-สนามบิน EEC
หุ้นเทคนิค:
TRUE (B 6.15, Tp 6.50//6.90, Cut 6.00)
BPP(B 29.00, Tp 30.50, Cut 28.00)
ข่าวเด่น