ราคาน้ำมันดิบปรับขึ้น หลังความต้องการใช้น้ำมันยังเติบโตต่อเนื่องและสถานการณ์ในอิรักที่ตึงเครียดมากขึ้น
  + ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันหลังได้รับแรงหนุนต่อเนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันที่ยังคงเติบโตในระดับสูงต่อเนื่อง โดย OPEC คาดความต้องการใช้น้ำมันในปีนี้จะเติบโต 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวันและในปีหน้าจะอยู่ที่ระดับ 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่การเพิ่มขึ้นของอุปทานน้ำมันดิบยังคงอยู่ในระดับจำกัด หลังผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกยังคงเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิตลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันคงคลังของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (OECD commercial oil stocks) ปรับลดลง 24.7 ล้านบาร์เรลในเดือน ส.ค. มาอยู่ที่ 2.996 พันล้านบาร์เรล
  + ในเดือน พ.ย. ซาอุดิอาระเบียจะปรับลดปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบลง 560,000 บาร์เรลต่อวันมาอยู่ที่ 7.15 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งน้อยกว่าความต้องการน้ำมันของซาอุดิอาระเบียที่ 7.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่งผลให้ผู้ซื้อในเอเชียเหนือ โดยเฉพาะในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้โดนปรับลดปริมาณการส่งมอบลงกว่าร้อยละ 10
  + สถานการณ์ความตึงเครียดในอิรักยังคงทวีความรุนแรงมากขึ้น หลังมีรายงานว่าอิรักเตรียมใช้กองกำลังทหารในการเข้าจู่โจมและขับไล่กลุ่มรัฐบาลท้องถิ่นในภูมิภาคเคอร์ดิสถาน (KRG) ซึ่งเป็นเขตกึ่งปกครองตนเองทางเหนือของอิรัก หลังได้มีการลงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชจากอิรักเมื่อวันที่ 25 ก.ย. ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ทางรัฐบาลอิรักกล่าวว่าการเตรียมการดังกล่าวดำเนินการเพื่อเป็นการขับไล่กลุ่มไอเอส
  - ภายหลังจากตลาดปิดสถาบันปิโตรเลียมสหรัฐฯ (API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 6 ต.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 3.1 ล้านบาร์เรลมาอยู่ที่ 468.5 ล้านบาร์เรล สวนทางกับนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับลดลง 2 ล้านบาร์เรล เนื่องจากปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก

ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงกดดันจากแรงซื้อที่เบาบางลงในช่วงวันหยุดยาวของเอเชียเหนือ อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันเบนซินยังได้รับแรงหนุนจากปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ที่ปรับลดลงและการส่งออกน้ำมันเบนซินไปอเมริกาใต้ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
  ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงหนุนจากการส่งออกน้ำมันดีเซลไปยังทวีปยุโรปที่ยังคงอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดีเซลยังได้รับแรงกดดันจากแรงซื้อที่ยังคงเบาบางและการส่งออกของอินเดียที่อยู่ในระดับสูง

ไทยออยล์คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์หน้า
   ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสเคลื่อนไหวในกรอบ 48-53 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
   ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวในกรอบ 53-58 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ปัจจัยที่น่าจับตามอง
  การผลิตน้ำมันดิบของผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกคาดจะปรับลดลงต่อเนื่อง หลังกลุ่มผู้ผลิตยังคงเดินหน้าปรับลดกำลังการผลิตต่อเนื่อง โดยล่าสุดกลุ่มผู้ผลิตทั้งในและนอกกลุ่มโอเปกอยู่ระหว่างการเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตว่าจะมีการออกมาตรการเพิ่มเติมโดยการขยายระยะเวลาในการปรับลดกำลังการผลิตจากเดิมที่สิ้นสุดเดือน มี.ค. 61 หรือมีการปรับลดกำลังการผลิตเพิ่มเติมจากเดิมที่ได้ตกลงกันไว้ว่าจะปรับลดลง 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวันหรือไม่ โดยในเดือน ส.ค. ที่ผ่านมาผู้ผลิตในกลุ่มโอเปกปรับเพิ่มความร่วมมือขึ้นมาจาก 85% มาอยู่ที่ 94% ในขณะที่ผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปกปรับเพิ่มความร่วมมือมาสู่ระดับ 119% ซึ่งนับเป็นการปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าระดับ 100% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการปรับลดกำลังการผลิตมา 

  จับตาสถานการณ์ความตึงเครียดในอิรักว่าจะทวีความรุนแรงขึ้นหรือไม่ หลังรัฐบาลท้องถิ่นในภูมิภาคเคอร์ดิสถาน (KRG) เขตกึ่งปกครองตนเองทางเหนือของอิรัก ลงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชจากอิรักในวันที่ 25 ก.ย. ที่ผ่านมา ประเด็นดังกล่าวสร้างความกังวลใหกับหลายประเทศว่าปัญหาดังกล่าวจะอาจจะเป็นภัยคุกคามในภูมิภาคตะวันออกกลางได้ ส่งผลให้หลายประเทศ อาทิเช่น ตุรกีขู่จะปิดท่อขนส่งน้ำมันดิบ กำลังการขนส่ง 500,000-600,000 บาร์เรลต่อวัน ที่ลำเลียงน้ำมันดิบจากทางตอนเหนือของอิรักที่ถูกควบคุมโดย KRG ไปยังท่าเรือ Ceyhan ของตุรกี ซึ่งอาจส่งผลให้อุปทานน้ำมันดิบตึงตัวมากขึ้น