กลยุทธ์วันนี้
SMID CAP/ Laggard Play
Smart Pick
1. สะสม LH : ราคาปิด 10.70 บาท ราคาเหมาะสม 11.30 บาท
a) คาดกำไรสุทธิ 3Q60 เติบโต YoY จากการโอนโครงการคอนโดมิเนียม 333 Riverside และThe Bangkok Sathorn โดยจะรายงานผลประกอบการในวันที่ 13 พ.ย.
b) เชื่อว่าบริษัทจะทำ Presales ทั้งปีได้ตามเป้า หลังมียอด Presales ใน 1H60 แล้ว 1.3 หมื่นล้านบาท +17% YoY คิดเป็น 51% ของเป้าหมายทั้งปีที่ 2.6 หมื่นล้านบาท โดยกลยุทธ์ใน 2H60 จะรุกโครงการแนวราบต่อเนื่อง เพื่อหมุนรอบในการรับรู้รายได้เนื่องจากโครงการแนวราบมีระยะเวลาก่อสร้างสั้นกว่าโครงการแนวสูง
c) Downside Risk จำกัด เนื่องจากประมาณการรายได้ปี 2560 มี Backlog รองรับแล้ว 78% และคาดว่ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์จะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของภาคบริโภคในประเทศ จุดเด่นอยู่ที่เป็นหุ้นหลักที่รองรับการไหลเข้าของกระแสเงินทุนต่างชาติ และให้ Dividend Yield สูงถึงปีละ 6%
2. สะสม TMILL : ราคาปิด 5.05 บาท ราคาเหมาะสม 7.10 บาท
a) คาดกำไรปกติ 3Q60 ที่ 20.2 ล้านบาท เติบโต +41% YoY จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ทรงตัวระดับสูงที่ 19.5% ใน 3Q60 เพิ่มขึ้นจาก 3Q59 ที่ 12.7%
b) เข้าสู่ High Season ของธุรกิจแป้งสาลี เนื่องจากเข้าสู่เทศกาลกินเจระหว่างวันที่ 20-28 ต.ค.เป็น Sentiment บวกในระยะสั้น
c) หากกำไร 3Q60 ออกมาใกล้กับคาดการณ์จะส่งผลให้กำไร 9M60 คิดเป็น 86% ของประมาณการกำไรทั้งปี จึงมีโอกาสที่เราจะทบทวนประมาณการกำไรขึ้นจากเดิมที่ 100 ล้านบาท +44.8% YoY
d) เป็น 1 ในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของภาคบริโภคในปีหน้า รวมทั้งยังมี Valuation ที่น่าสนใจระดับ PER2561 ที่ 16.4 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม MAI ที่ 30 เท่า
ตลาดหุ้นไทยวานนี้
วานนี้ SET INDEX ปรับตัวลดลง 2.2 จุด ปิดที่ 1724.47 จุด มูลค่าการซื้อขายราว 6.3 หมื่นล้านบาท โดยหลักได้รับแรงกดดันจาก GL (-29.86%) และ DTAC (-7.39%) กระทบดัชนีราว 2 จุด ด้านกระแสเงินทุน นักลงทุนต่างชาติและสถาบันในประเทศขายสุทธิราว 1.3 พันล้านบาท และ 740 ล้านบาท ตามลำดับ ด้านตลาดฟิวเจอร์ส นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Short สุทธิราว 6.4 พันสัญญา สวนทางกับสถาบันในประเทศและบัญชี บล. มีสถานะ Long สุทธิราว 6.4 พันสัญญา ส่งผลให้ QTD นักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Short สุทธิราว 4.7 หมื่นสัญญา สวนทางกับสถาบันในประเทศและบัญชี บล. ที่มีสถานะ Long สุทธิราว 2.4 หมื่นสัญญา ด้านตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันอีกราว 1.7 พันล้านบาท
กลยุทธ์วันนี้
SET INDEX มีโอกาสพักตัวระยะสั้น หลังจากพยายามขึ้นทดสอบแนว 1730 จุดมา 2 วันติดต่อกัน แต่ยังไม่ผ่าน เพราะขาดปัจจัยบวกใหม่เข้ามาหนุนบรรยากาศการลงทุน และกระแสเงินทุนต่างชาติเริ่มชะลอตัว โดยวานนี้ ต่างชาติมีสถานะขายสุทธิในตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ของไทย รวมถึง มีสถานะ Short สุทธิในตลาดฟิวเจอร์ส เรามองกรอบการเคลื่อนไหววันนี้ บริเวณ 1720-1730 จุด
ปัจจัยในประเทศ ยังคงให้น้ำหนักกับการรายงานผลประกอบการ 3Q60 ของกลุ่มธนาคารที่จะทยอยออกมาต่อเนื่องจนสุดสัปดาห์นี้ ได้แก่ TCAP (18 ต.ค.), SCB (19 ต.ค.), KBANK (20 ต.ค.), BBL (20 ต.ค.), KTB (19 หรือ 20 ต.ค.) และ KKP (19 หรือ 20 ต.ค.)
ปัจจัยต่างประเทศ จับตาการประชุมใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ของจีน ที่จัดขึ้นทุกๆ 5 ปี โดยการประชุมครั้งที่ 19 ที่จะเริ่มต้นขึ้นในวันนี้ ประเด็นสำคัญ คือ การวางทิศทางนโยบายเศรษฐกิจระยะยาวในช่วง 5 ปีข้างหน้าของจีน ซึ่งเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลก และเป็นคู่ค้าที่สำคัญของไทย
กลยุทธ์วันนี้ เลือกซื้อหุ้น (Selective Buy) ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว เรามองว่า กลุ่มอสังหาฯ เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ในเชิง Valuation ด้วย P/E ratio ที่ไม่แพง และจ่ายปันผลสูงจูงใจ เราชอบ LH/ LPN/ PSH
ปัจจัยสำคัญวันนี้
- เงินเฟ้อประเทศสมาชิก Eurozone ขยายตัว 1.5% YoY และเงินเฟ้อประเทศอังกฤษ ขยายตัว 3% YoY เท่ากับที่ตลาดคาด
- คาด Trump จะประกาศชื่อประธาน Fed คนต่อไปภายในวันที่ 3 พ.ย.
- แคนนาดาและเม็กซิโกปฏิเสธข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือของสหรัฐ (NAFTA) ที่ต้องการให้มีการพิจารณาข้อตกลงใหม่ในทุกๆ 5ปี
- สว.ทั้ง 2 พรรคของสหรัฐฯ ได้ข้อสรุปเบื้องต้นในการแก้ไขเสถียรภาพระยะสั้นต่อนโยบาย Obama care และตลาดประกัน
- ติดตามรายงาน Beige Book, การประชุมใหญ่พรรค Communist จีน วันนี้
- ติดตามการรายงาน GDP จีน วันที่ 19 ต.ค.
- ติดตามการประชุม Brexit วันที่ 19-20 ต.ค.
- ติดตามการเลือกตั้งญี่ปุ่น วันที่ 22 ต.ค.
ข่าวเด่น